ก้นบึ้งของจิตใจของทหารเสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี
พล็อตประวัติศาสตร์กระแสหลักของชาติไทย ถูกวางรากฐานให้เป็นเครื่องมือสร้างความทรงจำร่วมเพื่อเอกภาพของรัฐ อดีตอันยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะสร้างปมเด่นให้กับประเทศชาติ เราจึงมีประวัติศาสตร์ที่อาศัยจินตนาการสูง แต่สมรรถภาพในการตั้งคำถามต่ำ ตั้งแต่พล็อต “คนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต” กับการอธิบายประวัติศาสตร์ราชธานีสี่กรุง กรุงสุโขทัย-กรุงศรีอยุธยา-กรุงธนบุรี-กรุงรัตนโกสินทร์ ในที่สุดประวัติศาสตร์ไทยจึงจอดเทียบท่าอยู่กับความส่องสว่างของยุครุ่งเรืองถึงขีดสุดในรัชกาลที่ 5 ขณะที่ความเรืองรองของประวัติศาสตร์ปฏิวัติสยาม 2475 และความพลิกผันของสถานการณ์เมืองที่มีปัจจัยอันสลับซับซ้อน ได้ถูกทำให้ลืมๆกันไป ด้วยการยกความดี ความจริง ความงามของบางสิ่งบางอย่างเข้าแทนที่ พร้อมโครงเรื่องง่ายๆ ที่แบ่งข้างด้วยความดี ความชั่ว ขาว ดำ พระเอก ผู้ร้าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากในการสร้างความจดจำ แม้มันจะไม่บันเทิงใจเท่าละครหลังข่าวเท่าใดนักก็ตาม
นั่นคือเสียงสะท้อนยุคประวัติศาสน์ที่ยาวนานแต่มิอาจลืมเลือน
สำหรับบทความที่กระผมกำลังเขียนถ่ายทอดอยู่นี้ คือ
เสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี
จากการสนทนาระหว่างผมกับทหารผู้กล้าซึ่งทหารนายนั้นเป็นเพื่อนสนิทสนมของผมเอง เราใช้ชีวิตในวัยเยาว์ร่วมกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออด ให้หลังเมื่อต้นเดือนก่อน ก่อนมีการปิดกรุงเทพมหานคร ผมได้มีโอกาสพบสหายอันเป็นที่รักหลังจากแยกย้ายทางกันทำมาหากินตามอาชีพที่เราถนัดและร่ำเรียนมา แน่นอนประเด็นหลักที่ต้องมีเรื่องให้สนทนากันคงไม่พ้นเรื่องการเมืองและความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทหารยศน้อยเพื่อนของผมดูที่ท่าว่าอยากรู้อยากเห็นกับเหตุการณ์ในกรุงเทพซะเหลือเกิน ถ้าจังหวัดสุโขทัยไม่ไกลจากกรุงเทพเกิน 100 กิโลเมตร ผมจะขับรถพาเขาไปดูเหตุการณ์การปิดกรุงเทพให้เห็นกับตาซะให้รู้แล้วรู้รอด
แต่สิ่งที่ผมกำลังคิดกับตรงข้าม แท้ที่จริงแล้ว เพื่อนทหารของผมไม่ได้อยากรู้อยากเห็นบรรยากาศการชุมนุมที่กรุงเทพแม่แต่น้อย ทหารนายนั้นมีทีท่ากังวลเรื่องความรุนแรงที่กำลังประทุขึ้นทุกทีมากว่าด้วยความเป็นทหารผู้น้อยของเขา เขายอมรับว่าเขาไม่มีสิทธิที่จะรับรู้เลยว่าเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อทำหน้าที่เป็นกองกำลังควบคุมเหตุการ์ หรือต้องรับคำสั่งที่ต้องใช้ความรุนแรกมากกว่านี้หรือไม่ ทหารนายนี้มีประสบการณ์ตรงจากการประทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม เขาเล่าให้ผมฟังว่าปฎิวัติครั้งก่อนระหว่างที่เขากำลังทานอาหารเที่ยงกับลูกเมีย เสียงแตรรวมพลส่งสัญญาณที่ทุกคนเดาได้ไม่ยากว่าต้องเกิดการปฎิวัติและต้องเดินทางจากลูกเมียเข้ากรุงเทพเพราะก่อนหน้านี้มีการเตรียมความพร้อม 100% อยู่แล้ว หน้าที่ของภรรยามีเพียงรีบจัดเตรียมเครื่องราวของขลังพระเครื่องดีๆสักองค์ให้สามีติดตัวให้แครวคราดมีชีวิตรอดจากการทำหน้าที่ของเขาให้ได้เขาถูกประจำการอยู่ ราบ11 ย่านสะพานใหม่ เพื่อนทหารของผมมีความศรัธราและชื่นชอบในนโยบายรากหญ้าในสมัยนั้นไม่ต่างจากคนอีกเกือบทั้งประเทศซึ่งสมัยนั้นไม่มีพักการเมืองใดจะโค่นล้มการเลือกตั้งของเขาได้ แต่สุดท้ายเจ้าของอุดมการณ์และนโยบายท่านนั้นต้องหนีคดีออกนอกประเทศ ทิ้งไว้เพียงความขัดแย้งและความรุนแรงกับหน้าที่การปฏิวัติโดยทหาร
การสลายการชุมนุนคนเสื้อแดงในคราวนั้น มันคือเหตุการณ์ที่เขาจะไม่ลืม เขายอมรับกับเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ในเมื่ออุดมการณ์ทางการเมือง การยึดมั่นถือมั่นและศรัธราในนโยบายสีแดงในใจเขามันเต็มเปลี่ยมจนแทบล้นออกมาจากอกเรียกได้ว่าเกือบเคยวางมวยกับเพื่อนบ้านเรื่องการแบ่งสีมาแล้ว
ด้วยประสบการณ์ของบ้านเมืองไทยครั้งนั้นอาจยังคงน้อยนิดกับการควบคุมเหตุการณ์ จึงได้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อของทั้งทหารตำรวจและผู้ชุมนุมทางการเมือง คำพูดตะโกนบอกกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังบ้าครั่งไร้สติ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดแม้กระทั่งความตายดูจะไม่ได้ผล ทหารชั้นผู้น้อยยอมรับว่าคำพูดที่เขาพยายามเกลี้ยกล่อมผู้ชุมนุมที่มีหัวใจรักในอุดมการณ์เดียวกันคงใช้ไม่ได้ผล ความหวาดระแวงทำให้ไม่มีช่องว่างให้เกิดความไว้วางใจกันอีกต่อไป ผู้ชุมนุมคงมองเพื่อนทหารของผมเป็นศรัตรูเป็นแน่แท้ ยิ่งหากเสียงกระตุ้นจากแกนนำของพวกเขาทะลุเครื่องขยายเสียงและสัมผัสกับแก้วหูของพวกเขาเมื่อไหร่ ความบ้าครั่งยึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เพื่อนผมยอมรับว่าการที่เขาเป็นทหารมีการฝึกมาพอสมควรหากเจอกำลังที่มากว่า ทหารก็ทหารเถอะ สามารถจมตีนประชาชนได้ไม่ยากเหมือนกันเพื่อนผมพูดติดตลก สิ่งดี่ที่เขาถูกสั่งให้ทำได้คือการยิงปืนขู่เท่านั้น สำหรับเขาทำตามคำสั่ง เขายืนยันเสียงหนักแน่
ผมมองว่าเสียงสะท้อนของทหารอยากเลือกสีเรื่องนี้ มันไม่ได้ฟังแล้วซึมซับจนทำให้เกิดการยุติการชุมนุมและความรุนแรงได้ทั้งหมดหรอก แต่สิ่งนี้มันเป็นแนวทางในการต่อยอด หาทางออกลดการสูญเสียระหว่างประชาชนผู้ที่กำลังชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ที่เขาต้องทำหน้าที่ ต่างหาก มีเลือดเนื้อเหมือนกัน ใครนอกรีดหรือกัดกินประเทศให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและกฎหมายร่วมคลี่คลาย ปมที่เขาเหล่านั้นได้ผูกและสร้างมันขึ้นมากันเอง โดยหน้าที่เขาคือผู้บริหารประเทศที่ทำงานในวาระหน้าที่ต่างกัน การทำหน้าที่ผมเชื่อว่าไม่ต่างชั้นกันมากหายใจลดต้นคอกันมาติดๆ ไม่ว่าการสูดดมกลิ่นระหว่างกันจะมีกลิ่นหอมบ้างกลิ่มเน่าบ้างไม่ใช่พวกเขาหรือที่รู้ตื้นลึกหนาบางซึ่งกันและกันดี
( หากโดยเพียงเพื่อเราเหล่าประชาชนและข้าราชการผู้ทำหน้าที่ก็เป็นมนุษย์เท่ากัน ท่านคือกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ตามอุดมคตินั้นๆ โดยท่านได้รับข่าวสารและไตร่ตรองผิดถูกตามความคิดของท่านมาดีแล้วว่าจะยึดมั่นแสดงพลังเข้าร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องทวงสิทธิประชาชน และร่วมต่อต้านการธุรจริตปกป้องประเทศชาติ และพระมหากษัตริย์ ท่านจึงขอทำหน้าที่ของท่านและควรทำหน้าที่ของประชาชนผู้ชุมนุมๆ เพื่อแสดงถึงพลังของอุดมการณ์แต่หากเพียงต้องเป็นเราหรือท่านหรือที่ต้องทำหน้าที่ ดาหน้าเข้าฟาดฟันกับคนที่คิดต่างอุดมคติ และคนที่ผู้นำอุดมการณ์ของเราและท่านมองว่าเขาเลวทราม แท้จริงแล้วเรื่องวิ่งเข้าฆ่าฟันกันรับกระสุนรับระเบิด ของกันและกันควรเป็นของผู้ที่ชอบผูกและชอบสร้างปมให้แก้หรือกฎหมายไม่ดีกว่าหรือ หรือมันไม่มีทางออกเหล่านั้นแล้วหรือหากกล่าวว่าแม่ทัพต้องตายเป็นคนสุดท้าย เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนทัพต่อ หากไม่มีแม่ทัพนายกองใครจะเป็นผู้บรรชาทัพมันถูกต้องแล้วหรือกับความสูญเสียของ มนุษย์ที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนดหน้าที่และขอบเขตการแสดงพลังของพวกเขาไว้อย่างปลอดภัย )
คำกล่าวของเพื่อนทหารของผม อาจไม่มีความหมายเขาคิดออกมาจากแง่มุมของเขา โดยผมมีหน้าที่ถ่ายทอดถึงผู้อ่านทุกท่านบล็อกเกอร์ เขาอยากให้คุณช่วยตัดสิน ซึ่งแน่นอนบล็อกแห่งนี้ไม่มีคำว่า คิดถูกหรือคิดผิด หรือว่าใครใจหมาใครใจมด แต่มีเพียง ให้ทุกท่านร่วมบริหารแง่มุมทางความคิดกันเท่านั้น
ไทยแลนด์ สู้ๆ ใครผูกให้รีบแก้ หากไม่มีใครผูกไว้ก็อย่าไปสร้างปมแล้วหาเรื่องแก่กันเอง ประชาชน ผู้ทำหน้าที่
เขาจะโกรธกันทั้งประเทศอยู่แล้ว ว่ะ
ก้องกิดากร
|
Home »
ประเด็นมุมมองแง่คิด
» เสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี
เสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี
Written By Unknown on 21/2/57 | 16:29
ป้ายกำกับ:
ประเด็นมุมมองแง่คิด
ตำแหน่ง:
Thailand
0 ความคิดเห็น:
Speak up your mind
Tell us what you're thinking... !