Headlines News :

ราชดำเนินในความหลัง

Latest Post

เสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี

Written By Unknown on 21/2/57 | 16:29

14 ปี สถาบันพระปกเกล้า 80 ปีปฏิวัติสยาม ชนะศึกแต่แพ้สงคราม?  ตอนที่ 1 สถาบันสถาปนา
ก้นบึ้งของจิตใจของทหาร

14 ปี สถาบันพระปกเกล้า 80 ปีปฏิวัติสยาม ชนะศึกแต่แพ้สงคราม?  ตอนที่ 1 สถาบันสถาปนา

เสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี

พล็อตประวัติศาสตร์กระแสหลักของชาติไทย ถูกวางรากฐานให้เป็นเครื่องมือสร้างความทรงจำร่วมเพื่อเอกภาพของรัฐ อดีตอันยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะสร้างปมเด่นให้กับประเทศชาติ เราจึงมีประวัติศาสตร์ที่อาศัยจินตนาการสูง แต่สมรรถภาพในการตั้งคำถามต่ำ ตั้งแต่พล็อต “คนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต” กับการอธิบายประวัติศาสตร์ราชธานีสี่กรุง กรุงสุโขทัย-กรุงศรีอยุธยา-กรุงธนบุรี-กรุงรัตนโกสินทร์ ในที่สุดประวัติศาสตร์ไทยจึงจอดเทียบท่าอยู่กับความส่องสว่างของยุครุ่งเรืองถึงขีดสุดในรัชกาลที่ 5 ขณะที่ความเรืองรองของประวัติศาสตร์ปฏิวัติสยาม 2475 และความพลิกผันของสถานการณ์เมืองที่มีปัจจัยอันสลับซับซ้อน ได้ถูกทำให้ลืมๆกันไป ด้วยการยกความดี ความจริง ความงามของบางสิ่งบางอย่างเข้าแทนที่ พร้อมโครงเรื่องง่ายๆ ที่แบ่งข้างด้วยความดี ความชั่ว ขาว ดำ พระเอก ผู้ร้าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากในการสร้างความจดจำ แม้มันจะไม่บันเทิงใจเท่าละครหลังข่าวเท่าใดนักก็ตาม

นั่นคือเสียงสะท้อนยุคประวัติศาสน์ที่ยาวนานแต่มิอาจลืมเลือน

สำหรับบทความที่กระผมกำลังเขียนถ่ายทอดอยู่นี้ คือ

เสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี

จากการสนทนาระหว่างผมกับทหารผู้กล้าซึ่งทหารนายนั้นเป็นเพื่อนสนิทสนมของผมเอง  เราใช้ชีวิตในวัยเยาว์ร่วมกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออด    ให้หลังเมื่อต้นเดือนก่อน  ก่อนมีการปิดกรุงเทพมหานคร  ผมได้มีโอกาสพบสหายอันเป็นที่รักหลังจากแยกย้ายทางกันทำมาหากินตามอาชีพที่เราถนัดและร่ำเรียนมา      แน่นอนประเด็นหลักที่ต้องมีเรื่องให้สนทนากันคงไม่พ้นเรื่องการเมืองและความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน     ทหารยศน้อยเพื่อนของผมดูที่ท่าว่าอยากรู้อยากเห็นกับเหตุการณ์ในกรุงเทพซะเหลือเกิน   ถ้าจังหวัดสุโขทัยไม่ไกลจากกรุงเทพเกิน 100 กิโลเมตร  ผมจะขับรถพาเขาไปดูเหตุการณ์การปิดกรุงเทพให้เห็นกับตาซะให้รู้แล้วรู้รอด

แต่สิ่งที่ผมกำลังคิดกับตรงข้าม    แท้ที่จริงแล้ว เพื่อนทหารของผมไม่ได้อยากรู้อยากเห็นบรรยากาศการชุมนุมที่กรุงเทพแม่แต่น้อย  ทหารนายนั้นมีทีท่ากังวลเรื่องความรุนแรงที่กำลังประทุขึ้นทุกทีมากว่าด้วยความเป็นทหารผู้น้อยของเขา     เขายอมรับว่าเขาไม่มีสิทธิที่จะรับรู้เลยว่าเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อทำหน้าที่เป็นกองกำลังควบคุมเหตุการ์   หรือต้องรับคำสั่งที่ต้องใช้ความรุนแรกมากกว่านี้หรือไม่     ทหารนายนี้มีประสบการณ์ตรงจากการประทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม เขาเล่าให้ผมฟังว่าปฎิวัติครั้งก่อนระหว่างที่เขากำลังทานอาหารเที่ยงกับลูกเมีย เสียงแตรรวมพลส่งสัญญาณที่ทุกคนเดาได้ไม่ยากว่าต้องเกิดการปฎิวัติและต้องเดินทางจากลูกเมียเข้ากรุงเทพเพราะก่อนหน้านี้มีการเตรียมความพร้อม 100% อยู่แล้ว           หน้าที่ของภรรยามีเพียงรีบจัดเตรียมเครื่องราวของขลังพระเครื่องดีๆสักองค์ให้สามีติดตัวให้แครวคราดมีชีวิตรอดจากการทำหน้าที่ของเขาให้ได้เขาถูกประจำการอยู่ ราบ11 ย่านสะพานใหม่  เพื่อนทหารของผมมีความศรัธราและชื่นชอบในนโยบายรากหญ้าในสมัยนั้นไม่ต่างจากคนอีกเกือบทั้งประเทศซึ่งสมัยนั้นไม่มีพักการเมืองใดจะโค่นล้มการเลือกตั้งของเขาได้         แต่สุดท้ายเจ้าของอุดมการณ์และนโยบายท่านนั้นต้องหนีคดีออกนอกประเทศ     ทิ้งไว้เพียงความขัดแย้งและความรุนแรงกับหน้าที่การปฏิวัติโดยทหาร           

การสลายการชุมนุนคนเสื้อแดงในคราวนั้น   มันคือเหตุการณ์ที่เขาจะไม่ลืม เขายอมรับกับเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ในเมื่ออุดมการณ์ทางการเมือง การยึดมั่นถือมั่นและศรัธราในนโยบายสีแดงในใจเขามันเต็มเปลี่ยมจนแทบล้นออกมาจากอกเรียกได้ว่าเกือบเคยวางมวยกับเพื่อนบ้านเรื่องการแบ่งสีมาแล้ว

ด้วยประสบการณ์ของบ้านเมืองไทยครั้งนั้นอาจยังคงน้อยนิดกับการควบคุมเหตุการณ์ จึงได้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อของทั้งทหารตำรวจและผู้ชุมนุมทางการเมือง  คำพูดตะโกนบอกกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังบ้าครั่งไร้สติ  ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดแม้กระทั่งความตายดูจะไม่ได้ผล  ทหารชั้นผู้น้อยยอมรับว่าคำพูดที่เขาพยายามเกลี้ยกล่อมผู้ชุมนุมที่มีหัวใจรักในอุดมการณ์เดียวกันคงใช้ไม่ได้ผล  ความหวาดระแวงทำให้ไม่มีช่องว่างให้เกิดความไว้วางใจกันอีกต่อไป  ผู้ชุมนุมคงมองเพื่อนทหารของผมเป็นศรัตรูเป็นแน่แท้    ยิ่งหากเสียงกระตุ้นจากแกนนำของพวกเขาทะลุเครื่องขยายเสียงและสัมผัสกับแก้วหูของพวกเขาเมื่อไหร่  ความบ้าครั่งยึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น  เพื่อนผมยอมรับว่าการที่เขาเป็นทหารมีการฝึกมาพอสมควรหากเจอกำลังที่มากว่า  ทหารก็ทหารเถอะ  สามารถจมตีนประชาชนได้ไม่ยากเหมือนกันเพื่อนผมพูดติดตลก  สิ่งดี่ที่เขาถูกสั่งให้ทำได้คือการยิงปืนขู่เท่านั้น  สำหรับเขาทำตามคำสั่ง เขายืนยันเสียงหนักแน่

ผมมองว่าเสียงสะท้อนของทหารอยากเลือกสีเรื่องนี้ มันไม่ได้ฟังแล้วซึมซับจนทำให้เกิดการยุติการชุมนุมและความรุนแรงได้ทั้งหมดหรอก     แต่สิ่งนี้มันเป็นแนวทางในการต่อยอด  หาทางออกลดการสูญเสียระหว่างประชาชนผู้ที่กำลังชุมนุมและเจ้าหน้าที่  ที่เขาต้องทำหน้าที่ ต่างหาก มีเลือดเนื้อเหมือนกัน ใครนอกรีดหรือกัดกินประเทศให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและกฎหมายร่วมคลี่คลาย ปมที่เขาเหล่านั้นได้ผูกและสร้างมันขึ้นมากันเอง โดยหน้าที่เขาคือผู้บริหารประเทศที่ทำงานในวาระหน้าที่ต่างกัน   การทำหน้าที่ผมเชื่อว่าไม่ต่างชั้นกันมากหายใจลดต้นคอกันมาติดๆ  ไม่ว่าการสูดดมกลิ่นระหว่างกันจะมีกลิ่นหอมบ้างกลิ่มเน่าบ้างไม่ใช่พวกเขาหรือที่รู้ตื้นลึกหนาบางซึ่งกันและกันดี

(   หากโดยเพียงเพื่อเราเหล่าประชาชนและข้าราชการผู้ทำหน้าที่ก็เป็นมนุษย์เท่ากัน  ท่านคือกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์

ตามอุดมคตินั้นๆ   โดยท่านได้รับข่าวสารและไตร่ตรองผิดถูกตามความคิดของท่านมาดีแล้วว่าจะยึดมั่นแสดงพลังเข้าร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องทวงสิทธิประชาชน  และร่วมต่อต้านการธุรจริตปกป้องประเทศชาติ และพระมหากษัตริย์  ท่านจึงขอทำหน้าที่ของท่านและควรทำหน้าที่ของประชาชน

ผู้ชุมนุมๆ เพื่อแสดงถึงพลังของอุดมการณ์แต่หากเพียงต้องเป็นเราหรือท่านหรือที่ต้องทำหน้าที่    ดาหน้าเข้าฟาดฟันกับคนที่คิดต่างอุดมคติ  และคนที่ผู้นำอุดมการณ์ของเราและท่านมองว่าเขาเลวทราม       แท้จริงแล้วเรื่องวิ่งเข้าฆ่าฟันกันรับกระสุนรับระเบิด ของกันและกันควรเป็นของผู้ที่ชอบผูกและชอบสร้างปมให้แก้หรือกฎหมายไม่ดีกว่าหรือ หรือมันไม่มีทางออกเหล่านั้นแล้ว

    หรือหากกล่าวว่าแม่ทัพต้องตายเป็นคนสุดท้าย   เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนทัพต่อ   หากไม่มีแม่ทัพนายกองใครจะเป็นผู้บรรชาทัพมันถูกต้องแล้วหรือกับความสูญเสียของ  มนุษย์ที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนดหน้าที่และขอบเขตการแสดงพลังของพวกเขาไว้อย่างปลอดภัย   )


คำกล่าวของเพื่อนทหารของผม อาจไม่มีความหมายเขาคิดออกมาจากแง่มุมของเขา   โดยผมมีหน้าที่ถ่ายทอดถึงผู้อ่านทุกท่านบล็อกเกอร์  เขาอยากให้คุณช่วยตัดสิน  ซึ่งแน่นอนบล็อกแห่งนี้ไม่มีคำว่า  คิดถูกหรือคิดผิด หรือว่าใครใจหมาใครใจมด  แต่มีเพียง ให้ทุกท่านร่วมบริหารแง่มุมทางความคิดกันเท่านั้น

ไทยแลนด์ สู้ๆ ใครผูกให้รีบแก้ หากไม่มีใครผูกไว้ก็อย่าไปสร้างปมแล้วหาเรื่องแก่กันเอง ประชาชน ผู้ทำหน้าที่
เขาจะโกรธกันทั้งประเทศอยู่แล้ว ว่ะ 

ก้องกิดากร






อุทาหรณ์ในการบริหารบ้านเมืองอันสมบูรณ์

Written By Unknown on 16/1/57 | 16:23


 อุทาหรณ์ในการบริหารบ้านเมืองอันสมบูรณ์


ชุมชนเล็กๆใน GOOGLE+ ชุมชนที่เสนอช่องทางให้ผู้รักสันติและหรือแชร์แปล่งปันแง่คิดให้จรรโลงสังคม

วันนี้ผมนำบทความในชุมชนมาแชร์ให้สังคมไทยได้พิจารณา แต่ที่ผมไม่แน่ใจในตอนนี้คือ  จะเก่าเกินไปหรือเปล่าสำหรับสถานะการณ์ที่ลุกลามในปัจจุบัน


 อุทาหรณ์ในการบริหารบ้านเมืองอันสมบูรณ์ คน ๔ จำพวก เปรียบด้วยหนู ๔ จำพวก คือ 
คนจำพวกที่ ๑ ปลูกเรือนแต่ไม่อยู่ เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๑ คือ ขุดรูแต่ไม่อยู่ ได้แก่ คนที่เรียนรู้มาก แต่ไม่ทำตามทำพนองคลองธรรม
คนจำพวกที่ ๒ อยู่แต่ไม่ปลูกเรือน เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๒ คือ อยู่แต่ไม่ขุดรู ได้แก่คนที่ไม่ได้เรียนรู้ แต่ทำตามตามทำนองคลองธรรม 
คนจำพวกที่ ๓ ปลูกเรือนด้วย อยู่ด้วย เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๓ คือ ขุดรูด้วยอยู่ด้วย ได้แก่คนที่เรียนรู้ด้วย ทำตามทำนองคลองธรรมด้วย 
คนจำพวกที่ ๔ ไม่ปลูกเรือนและทั้งไม่อยู่ เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๔ คือ ไม่ขุดรูและทั้งไม่อยู่ ได้แก่คนที่ไม่เรียนรู้และไม่ทำตามทำนองคลองธรรม
อุปมา อุปไมย ข้อความเหล่านี้ มีอุทาหรณ์อย่างนี้ ว่า ม้า ที่ผู้ฝึกม้าฝึกไม่ได้ ผู้ฝึกม้านั้นก็ฆ่าม้านั้นเสีย ฉันใด, บุคคลที่พระพุทธเจ้าฝึกไม่ได้ พระองค์ ก็ฆ่าบุคคลนั้นเสียในทางธรรม ฉันนั้น. การฆ่าในทางธรรมของพระองค์ คือการไม่สอนอีกต่อไป.
อุทาหรณ์ความข้อนี้ ชี้ให้เห็นว่า บุคคล จำพวกที่ ๔ นั้น หมายถึงอันธพาล อันธะ แปลว่า มืดบอด พาละ แปลว่า โง่ อันธพาล จึงแปลว่า ทั้งบอดทั้งโง่ บุคคลจำพวกนี้ ไม่สามารถแก้ไขด้วยการพูดจาได้ ย่อมจำต้องใช้กำลังบริหารจัดการไปตามหลักกฎหมายในการบริหารบ้านเมือง เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นอยู่ในทำนองคลองธรรม.

ภัยที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเกิดจากคนพาล มิใช่เกิดจากบัณฑิต
อุปัททวะทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากคนพาล มิใช่เกิดจากบัณฑิต (อุปัทวะ คือความอุบาทว์ จัญไร อันตราย).
อุปสัคทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากคนพาล มิใช่เกิดจากบัณฑิต (อุปสัค หมายถึงความขัดข้อง เช่น มีโจรปล้นบ้านล้อมไว้ไม่ให้หนีไปไหน เป็นต้น. 


จากคุณ

Luangta Fueng  



แซบเวอร์ เมื่อนักวิชาการ ถกประเด็น เลื่อน-ไม่เลื่อนการเลือกตั้ง


ชมวิดีโอ


เจาะข่าวเด่น-เลื่อน-ไม่เลื่อน"เลือกตั้ง" ยุติความรุนแรง?


เป็นประเด็นที่ถือว่าแซ่บมากในความคิดของผม  เมื่อ อ.ด้าน เศรษฐศาสตร์ - ปะทะมุมมองแนวคิดกับ อ.ด้านนิติศาสตร์  ประเด็นในการเจาะลึกในวันนี้  คุณสรยุทธผู้ดำเนินรายการตั้งประเด็นที่ว่า

เลื่อน-ไม่เลื่อน"เลือกตั้ง" ยุติความรุนแรง?


สำหรับแขกผู้รับเชิญ ร.ศ ปณิธาน นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์  และ อ.เอกชัย คนหนุ่มไฟแรงที่ถนัดด้านกฎหมาย   ทั้งสองท่านทำให้ผมได้แนวคิดถึงสถานะการณ์ ทำให้มองมุมมองได้ลึกซึ้งขึ้น ......
ทีแรกก็ไม่ได้หวังอะไรมากจากรายการหรือวีดีโอนี้  เพราะผมตัดสินในใจก่อนเลยว่า คงไม่ได้เนื้อหาสาระอะไรนอกจากคน2กลุ่ม  มาถกเถียงเข้าข้างฝ่ายที่พวกเขากำลังสนับสนุนก็เท่านั้น

แต่ครั้งนี้มุมมองผมกับไม่ใช่ ผมเชื่อว่าอาจารณ์ทั้ง2ท่านหวังดีกับประชาชนและประเทศไทยจริงๆ  ความขัดแย้งตามแนวทางของความคิด ทั้ง2  เป็นเพียงการหยิบยกเหตุผลด้าน  กฎหมายซึ่งอาจารย์ เอกชัยมองว่าไม่สามารถเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ตาม รัฐธรรมนูญ    ส่วนมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์มองว่าหากเป็นไปได้ควรเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเพราะหวั่นถึงสถานะการณ์ความรุนแรงในวันที่ 2 กพ 2557  


ผมหวังว่า 

เจาะข่าวเด่น-เลื่อน-ไม่เลื่อน"เลือกตั้ง" ยุติความรุนแรง? ในครั้งนี้คงมีประโยชน์ต่อผู้ติดตามบล็อกของเรา ผมรับรองว่าคุณต้องได้ประโยชน์ในครั้งนี้อย่างแน่นอน


ท้ายที่สุด ผมหลงไหลในวาทะ และแนวคิดของอาจารย์ทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากทั่านทั้ง 2 ออกมาปกป้อง สิทธิและหรือ ความปลอดภัยของประชาชนอย่างแท้จริง  

สุดท้าย หวังอีกว่าประเทศจะไม่เพี้ยนไปกว่านี้หรือถ้าเพี้ยนไปกว่านี้ คงมีประเด็นดีๆในบล็อกแห่งนี้
 เขาอยากให้คุณช่วยตัดสิน อย่างแน่นอน!


ก้องกิดากร








กำลังหลอกตัวเอง เพื่อปกปิดความอ่อนแอ

Written By Unknown on 23/10/56 | 00:40



หลังจากหยุดและยุติการเขียนบล็อกมาหลายนานเดือน   เรื่องล่าสุดที่เขียนคงเป็นเื่รื่องของ นายเนติวิทย์เด็กไทยปฎิวัติการศึกษา    มีแฟนบล็อกเกอร์ตอบรับมากมายพวกเขามองว่าบล็อกแห่งนี้เป็นแนวทางการเขียนของบล็อกแนวประชาอธิปไตย    มันอาจจะเป็นเรื่องจริงพวกเราเริ่มมีการแสดงอารยธรรมของเราในgoogle+    หากท่านมีแนวทางและมีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนมุมมองแง่มุมที่สังคมมองว่าร้าย และ บางแง่ที่ใครมองว่าดีงาม นำทั้งสองมาผสมรวมรวมกันแล้วสรุปออกมาได้เจริญหูเจริญตาเวะมาเยี่ยมเขียนบทความกันได้ืั้ที่           https://plus.google.com/u/0/communities/109753548929883645737


เข้าเรื่องที่อยากให้ร่วมตัดสินกันเลยเลยดีกว่า  น้องกิ๊ฟ เชอร์รี่น้องวาย มีตั้งมากมายสารพัด  ว่าด้วยเรื่อง การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน    ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนมาหลายหน้าที่   สากกะเบือยันเรือรบก็ว่าได้  ทั้งเสริฟข้าวเสริฟน้ำหาเงินเรียน  บ้างก็เป็นลูกไล่ถูกโขกสับให้ตัวเองช้ำใจ  เทพหน่อยก็เคยใกล้นายให้หลายคนต้องอิจฉา มีคำกล่าวว่าการที่เราขึ้นหลังเสือแล้วจะลงลำบาก   อาจหมายถึงการทำงานได้ดิบได้ดีเงินเดือนแพงๆ  มีหน้ามีตาในสังคมและวัฒนธรรมของการทำงานมีหรือจะกลับไปกรอกอาหารสัตว์รับค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท    หลายท่านอาจจะมองว่าเอาล่ะยังไม่ทันเดินเรื่องไปถึงกลางบล็อกเลยเริ่มจะยโสโอหังยกตนอวดท่านซ่ะแล้ว     เปล่าเลยแต่นั่นต่างหากที่ผมอยากให้ท่านร่วมขบคิดและเลือกทางเดินไปกับผม                

เรื่องมีอยู่ว่าต้นปี  54  บังเอิญผมมีโอกาสได้เข้าทำงานในตำแหน่งที่ตนเองไม่ถนัดนัก   HR คืออะไร โหด เหี้ยม  พระเดท  พระคุณ  โอกาสที่จะทำให้ใครอยู่ใครไป    อยู่ในกำมือผมอย่างไม่ตั้งใจ   กฎหมายแรงงานเขาเปลี่ยนกันเป็นพายุบุแคม   แต่ในสมองของผมไม่เคยคิดอยากเปลี่ยนตามเขาเลย  เพราะผมอาจจะไม่ใช่HRตัวจริงตามหลักการที่เขาวางเกณฑ์ไว้ก็เป็นได้

  SME เป็นตัวย่อบ่งบอกถึงสถานะภาพที่ผมกำลังทำงานอยู่    ห้องทำงานแสนจะส่วนตัวเท่านั้นที่ผมรู้สึกดีในวันแรกของการทำงาน   แต่ที่เหลือคือ  ภาษา กิริยา แล ะพฤติกรรมเฮียๆที่ผมถูกต้อนรับกับสังคมแห่งนี้   บ้างว่าเฮียนี่แม่ง! หักเงินกูกูจะด่าให้   เถ้าแก่ก็สั่งห้ามเข้าข้างพนักงานเด็ดขาดต้องเข้าข้างเขาเท่านั้นเขาตัดสินใจอยู่น่นก่อนจะพูดคำนี้กับผม  บ้างก็ให้HRไปตำหนิพนักงานที่สุดแสนจะอาวุฒิโสเขี้ยวรากดินจนยากจะมีผู้ใดต่อกร    การถ่ายทอดส่งมอบงานงานระหว่างคนเก่าส่งให้คนใหม่ที่รับมอบหมายก็สุดแสนจะรันทดดองยาวไม่บอกไม่กล่าวแนะแนวทางการทำงานกันซักคำ    สายตาทุกคู่ที่จับจ้องมองรังเกียจอย่างกับว่าผมเหยียบอุจาระมาซ่ะอย่างนั้น    พฤติกรรม HRพันธุ์เถื่อนของผมเริ่มจุดประกาย  เอกสารISO ที่การันตีความเทพของโรงงาน    ผมจัดการเปลี่ยนแนวทางตามแบบของผม ตามหลักการง่ายกระชับ  แต่ยังยิดตามหลักเหตุผลโดยการศึกษาจากรุ่นพี่ และ ศึกษาจากโลกออนไลน์ในไม่ช้า  เอกสารที่รกรุงรัง กายเป็นเรื่องที่ง่ายที่จะหยิบจับ    แรงงานสัมพันธ์และการเข้าถึงทำให้ง่ายที่จะเข้ากับเสือสิงห์กระทิงที่ดุร้าย   ความบริสุทธิ์ใจและคำพูดที่ตรงไปตรงมา  การให้เกียติในการแสดงออกทางความคิดทำให้หลายคนเริ่มอยากจะชักชวนผมเข้าพวก..... สุดท้ายไม่ยากที่จะขอถอนเขี้ยวพวกเขาออกอย่างที่เขาพอใจที่จะถอดออก  มันไม่มีหลักเกณฑ์อะไรเลยมันคือความจริงใจล้วนๆ  คุณจะลืมคำว่าจิตวิทยาจอมปลอมไปเลย  แต่อย่าเผลอลองเอาเขี้ยวที่เขาถอดไว้มาลองใส่ซะล่ะ


กาลเวลาผันแปรเปลี่ยน  SME ตีแตกเริ่มเล่นงานผมเข้าให้  DC แผนกเอกสารเซ็นเตอร์ตามภาษาเรียกเชยๆแต่เข้าใจง่ายของผมถูกผลักดันหน้าที่ให้ผมรับผิดชอบ    อีกไม่นาน จนท.การตลาด ตามผมมาติดๆ  ปัญหามาจากพนักงานเก่าๆลาออกไปแสวงหาที่ทำงานใหม่ๆที่เขาพอใจหว่าที่เดิม แต่คราวนี้มาพร้อมกับการเสนอเงินก้อนโต  แน่นอนผมยินดีที่จะรับมันไว้   ถามจริงๆในหัวสมองผมมีอะไรที่เป็นการตลาดผลักดันยอดขายหรือไม่    ผมตอบได้เลยว่าไม่มีเลย  ก็คงต้องพึ่งรุ่นพี่และโลกออนไลน์อีกตามเคย   ทุกกระบวนการผมเดินตามแบบของผมเปลี่ยนเอกสารให้สอดคล้องกับการทำงานที่เหลือก็รอโจทย์ยากๆวิ่งมาหาเราให้ฝึกสมอง  และที่สำคัญผมทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วเสมอ

ต้นปี56  SME ตีแตกเกิดวิกิตอย่างหนัก   ผู้บริหารแถลงการบ้างไม่แถลงการบ้าง  ปัญหาของเถ้าแก่ยากล้นที่จะแก้ไข    เงินเดือนออกล่าช้านัดวันผลัดวันประกันพรุ่งสุดท้ายพนักงานแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางบ้างก็ดึงรั้งไว้ได้ บ้างก็ถ่มน้ำลายเหยียดหยามการบริหารงานอย่างไม่โปร่งใสของถ้าแก่   

ผมไม่วันที่จะกล้าโทษใครแต่เถ้าแก่โทษเศรษฐกิจท่านมองว่ามันหลอกหลอนประชาชนจนน่ากลัวกว่าผีซะอีก...    สุดท้ายล่าสุด 15/10/56  ทั้งๆที่ผมไม่อยากซื้อของก็ยังจะให้ผมซื้ออีก  เถ้าแก่บ้าระห่ำทะลุบ้องเกินขีดพิกัดมอบงานจัดซื้อให้ผมช่วยดูแลอีกตำแหน่งทำเอาผมมึนงง ทั้งที่ยังมีบุคคลากรอีกมากมายให้เลือกใช้

คำพูดที่ว่า "ทำงานเก่งทำได้ทุกอย่างหรือว่าว่างงานเลยยกงานให้ผมทำ"   คือคำที่หลายคนกำลังพูดและวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวผมในเวลานี้  ข้อเสนอค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นยุติลงทิ้งท้ายไว้ที่คำว่า  ขอความช่วยเหลือแน่นอนผมยินดีที่จะรับมันไว้ในอ้อมใจที่สั่นคลอนอีกที่สั่นคลอนก็คงเพราะพวกเราไม่ได้รับเงินเดือนมา 2 งวดแล้ว 

เงินหลายหมืน  คือข้อเสนอที่มากว่าที่ผมกำลังได้รับอยู่ปัจจุบันอาจเป็นคำตอบสุดท้ายของข้อเสนอ ที่ผมอาจต้องตัดสินใจทิ้งงานที่กำลัง้าทายไป  หากทำงานตำแหน่งเดียว  เงินเดือนออกตรงไม่เดือดร้อนครอบครัวเหมือนที่กำลังเป็นอยู่    สังคมที่เปลี่ยนแปลง  และความกดดันจากครอบครัวที่กำลังเดือดร้อน ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ทำให้ผมแอบคิดไปว่า!


ผมกำลังเย่อหยิ่งกับหัวโขนที่เถ้าแก่มอบหมายให้
ผมกำลังสนุกกับงานในSMEทำจนเกือบจะครบทุกตำแหน่งในโรงงาน
ผมกำลังสงสารเถ้าแก่และกำลังให้กำลังใจเขาทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้จริงใจอะไรกับเรามากนัก
หรือสุดท้ายผมกำลังปกปิดความอ่อนแอบางแง่ของผมอยู่ กับการเริ่มต้นใหม่


สุดท้าย มันก็แค่อุทาหรเล่าสู่กันฟังเผื่อใครเคยประสบเหตุการณ์ ผมว่ามันยากมากสำหรับการตัดสินใจ
แต่นั่นมันคือ

 '' การให้โอกาสตัวเอง หรือการให้โอกาสเถ้าแก่ หรือมันคือความกลัวที่จะเปลี่ยนแปลกันแน่"

สุดท้าย ความหิว อาจจะเป็นคำตอบสุดท้าย


บทสนทนา

HR     : เถ้าแก่ครับเงินเดือนงวดนี้เลื่อนออกมานานแล้วน๊ะครับพนักงานถามผมเยะมากผมเกรงว่าเขา                   อาจจะ ลาออกจากโรงงานไปทำงานที่อื่นกันหมดครับ

เถ้าแก่ : ผมเข้าใจน๊ะ  บริหารประเทศ กันอย่างไรพังกันหมดแล้วรัฐบาลเคยมาช่วยรับผิดชอบอะไรไหม                  สุดท้ายรากหญ้าก็ต้องมารับกรรม

HR      : เถ้าแ่ก่รากหญ้าผมไม่ใช่ใส้เดือนเลยหรือครับ ตอบตรงประเด็นหน่อยครับ พนักงานจะหนีหมด                  แล้วครับ

เถ้าแก่  : HRคุณช่วยบอกพนักงานทุกคนน๊ะว่าผมไม่โกรธ ผมเข้าใจว่าคนหิวมันเป็นอย่างไร

HR      : เถ้าแก่ก็ยังไม่ตรงประเด็นน๊ะครับ หิวข้าวมันโกรธน๊ะครับแต่ยังทนได้แต่ที่เขาจะทนไม่ได้คือคำ                พูดที่ยังไงก็ยังไม่ตรงไปตรงมาของเถ้าแก่  แล้วคำว่าเข้าใจว่าคนหิวมันเป็นอย่างไร อย่าพูดให้                พนักงานใส้เดือนที่ต่ำกว่ารากหญ้าได้ยินน๊ะครับเขาจะตีความผิดๆ  หาว่าเขาไม่มีจะกัน จะยุ่งกัน             ไปใหญ่ครับ


ปล.คนที่เหลือต่อไปที่จะก้าวต่อไปกับโรงงานและเริ่มสร้างความยิ่งใหญ่ในธุรกิจกันอีกครั้งเพราะคนที่เหลืออยู่เราคัดแต่เพชรแท้ๆ เอาไว้เท่านั้น  เสียงโห่ร้องของพนักงานดังกิ๊กก้องป้าชูจิต  ญายชูใจ  พ่อถวัล  ลุงเกษม  อาม่ากิมเจียง  กับชายร่างเล็กและหญิงลูกสาม ตบมือแสดงความดีใจกับการที่ถูกคัดเลือกว่าเป็นเพชร ที่คัดไว้งั้นหรือ  อิๆๆๆ (แซว)ขำๆ



เนติวิทย์ ซัดระบบการศึกษาไทยล้าหลัง วันไหว้ครูต้องหมอบคลานเข้าไปเหมือนสิงสาราสัตว์

Written By Unknown on 26/7/56 | 10:02

ตอกย้ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับ ท่านเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล โพสต์เฟซบุ๊กซัดระบบการศึกษาไทย ปลูกฝังความเป็นไทยที่เป็นเพียงนามธรรม ล้าหลัง พอถึงวันไหว้ครูก็ต้องหมอบคลานเข้าไปเหมือนสิงสาราสัตว์
บล็อก เขาอยากให้คุณช่วยตัดสิน

ทำให้คนไทยที่ไม่ใช่หัวใจไทยและคนหัวใจไทยหลายๆคน  ไม่พอใจสำหรับ คุณคนนี้  ผมว่าผมเป็นประเภทโฉด เลว ดี แล้วน่ะแต่ยังนึกเคียงกับคำพูดของน้องคนนี้เขาเข้าเหมือนกัน   ที่น้องเขากล่าวไว้เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา

 ''เป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะพูดถึงความเป็นไทย โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยมีความสนใจในความเป็นไทยสักเท่าไหร่ เหมือนคนทั่วไปที่ไม่สนใจความเป็นไทย แต่แน่ละ ผมคิดว่าที่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจอะไรคือความเป็นไทย ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิธีคิดของความเป็นไทย ที่ไม่ต้องการให้มีการสืบค้น คิดตั้งคำถาม แล้วชีวิตของพวกเราก็วนเวียนกับเรื่องความเป็นไทย โดยส่วนสำคัญในการปลูกฝังนี้ก็คือสถาบันการศึกษา''

ฟังข้อความข้างบนนี้แล้ว  ผมพูดอะไรไม่ออกเลย เพราะผมเป็นคนไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้  คำกล่าวของน้เขา      ผมคิดออกแค่เพียงว่าเขาไม่อยากที่จะเป็นคนไทยซะเหลือเต็มประดา แล้วทำไมถึงไม่อยากเป็นไทยล่ะผมตั้งคำถามในสมองของผม     ผมจ้องไปที่ภาพของคุณ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล    หัวสมองผมคิดตลกๆว่า  หรือว่าเขาอยากเป็นฝรั่งว๊ะ  ฝรั่งเอกลักษณ์ของเขาที่ครองใจคนไทยหลายๆคนคือ  ฟรีเซ็กซ์  ดูหน้าตาของน้องเขาเหมือนอยากปลดปล่อยอะไรบางอย่าง  ที่ทำให้หายเครียดน๊ะ  มองใกล้ๆบางทีเหมือนจะเห็น     สิวเสี้ยน     เต็มหน้าไปหมด   และแล้วผมก็บังคับสมองของผมให้กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง

ท่านเขากล่าวต่อว่า  เราก็ถูกฝึกสอนจากโรงเรียนที่พร้อมจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วยนโยบายที่สวยหรู World Class Standard School ให้คงความเป็นไทยเอาไว้ แนวความคิดของไทยไม่เหมือนชาติใดในโลก หรืออะเมซิ่งไทยแลนด์ถูกปลูกฝังเข้ามา เราจึงเห็นเพจประชาคมอาเซียน ที่แอดมินคนไทยบอกว่า ระบบโซตัส เป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับประเทศแห่งนี้ ความคิดการจัดวางลำดับชั้นต่ำสูง ระบบอาวุโส ระบบอุปถัมภ์ ครู - นักเรียน แบบพ้นยุคพ้นสมัย จึงเป็นสิ่งสำคัญ นักเรียนก็ไม่เท่าเทียมกับครู ปัญหาการโต้เถียงถกเถียงครูอาจารย์ในสังคมไทยบางทีก็เป็นเรื่องรับไม่ได้ นักเรียนคิดแย้งก็มีน้อยและส่วนมากไม่กล้า เพราะสภาพที่กดดันและอำนาจนิยม แม้ครูกับครูเองก็มีปัญหา คือผู้บริหารคิดว่าตัวเองวิเศษ สูงส่งกว่าครูธรรมดา ครูก็มีหน้าที่รับฟัง เชื่อฟัง ขัดแย้งไม่ได้ แม้มีคนขัดแย้งก็หาพวกรวมกลุ่มกันได้ยาก เพราะครูเองก็เคยเป็นนักเรียนถูกหลอมผ่านระบบการศึกษาที่เห็นระบบอาวุโส เป็นของดี วันไหว้ครูก็ต้องหมอบคลานเข้าไปเหมือนสิงสาราสัตว์ แล้วก็อ้างว่า เป็นของไทย น้ำตาจะไหลเพราะซึ้งจัด


ท่านเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กล่าวไว้อย่างยอดเยี่ยมและผมเห็นภาพได้อย่างชัดเจนฝุดๆ

ที่กล่าวมาผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ท่านเขาวิเคราะห์         ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วล่ะถ้านักเรียนซึ่งมีความสามารถเป็นถึง     เลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย  หน้าที่คุณคงต้องปฎิวัติต่อไป       หน้าที่ผมคงต้องเขียนให้ผู้อ่านของผม  ตัดสินเรื่องราวของคุณในแบบที่เรียกว่า    คนใจกว้างในการตัดสินเรื่องราวให้ได้     แต่สิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ก็คือ  ถ้าอีกหน่อยมี  เลขาธิการสมาพันธ์ครูไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย      ผมว่าน้องต้องหนาวๆร้อนๆแน่ๆ 

 คุณไม่ต้องการกราบไหว้ครูเหมือนสิงห์สาราสัตว์คุณก็แค่เดินออกจากกิจกรรมนั้นไป    เมื่อก่อนผมกับเพื่อนๆทำบ่อยมักจะหนีกิจกรรมคุกเข่าเข้าไปกราบครูแต่ไม่ใช่ไม่อยากกราบน๊ะครับ แต่เป็นการฉวยโอกาสซึ่งสมัยก่อนเขาเรียกโดดเรียนนั่นเอง  

        
แต่ถ้าวันไหนที่โรงเรียนคุณมีกิจกรรมวันแม่วันพ่อ    กิจกรรมเขาก็ต้องคุกเขาเข้าไปกราบไหว้พ่อแม่เหมือนกัน   น้องจะกล่าวคำว่าคลานไปกราบเหมือนสิงห์สาราสัยว์หรือเปล่า  ผมหวังว่าระดับเป็นประธานคงแยกแยะออกน๊ะครับ       อีกเรื่องถามจริงๆเคยเก็บย่าแพรกหรือเปล่า  บางคนให้ความสำคัญมากๆ   ต้องเอากระลามาครอบหญ้าไว้เป็นหลายอาทิตย์เพื่อให้หญ้าเหลืองเป็นหญ้าแพรกมันเป็นพิธีการที่แปลกในความคิดคุณอีกหรือเปล่า หรือคุณไม่รู้จักหญ้าแพรก  แล้วหญ้าแพรกอยู่ในหัวข้อปฎิวัติการศึกษาไทยของคุณด้วยหรือเปล่าครับ


ไม่แปลกที่ทุกวันนี้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด  คิดมากเท่าไหร่ ก็ต้องหาทางปิดช่องโหว่ของตัวเองมากเท่านั้น  ก่อนที่ผมจะจบ ม6. มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ให้พวกเราทุกคนเสนอความคิดเห็นในตัวของอาจารย์ในเรื่องของการสอน   เอาแบบที่ไม่ต้องเกรงใจ  จะต่อว่า  ด่าคำหยาบ  ได้ทั้งนั้นโดยที่ไม่ต้องลงชื่อในใบสอบถามของอาจารย์   ผมก็เขียนเอาฮาว่า ควรเหลาไม่เรียวให้เล็กกว่านี้หน่อยมันโหดเกินไป   

และอาจารย์ท่านนี้ท่านได้รับเกียรติไปดูงานที่ประเทศหนึ่งในยุโรป  ท่านเล่าให้ฟังว่า เด็กนักเรียนที่นั่น ''เหมือนจะไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอน''   ดูถูกดูหมิ่น ว่ามาจากประเทศที่กำลังพัฒนา  บ้านเมืองมีแต่ช้าง ขี่ช้างไปทำงาน  อาจารย์ท่านเล่าว่าสุดจะทนกับ  กิริยามารยาทของเด็กพวกนี้  ท่านเลยทดลองวิชาที่มักจะใช้ปราบเด็กไทยให้อยู่หมัด  ท่านบอกว่าได้ผล  เด็กฝรั่งที่ไม่สนใจฟังท่านหันมาฟังท่านมากขึ้น  ส้นตีน  เอ่อเท้าที่วางพาดไว้บนโต๊ะเรียนเริ่มลดลงทีละข้างๆ  จนไม่เหลือเท้าของเด็กฝรั่งคนไหนพาดอยู่บนโต๊ะแม้แต่คนเดียว    คำพูดที่กล่าวกล่าวคือ

'' ผมมาจากประเทศไทย  ประเทศที่มีวิวัฒนาการด้านวัตถุที่น้อยกว่าพวกคุณวันนี้ผมได้รับเกียติให้มาดูงานเรื่องการเรียนการสอนที่ทันสมัย  ผมเห็นว่ามันก็ทันสมัยดีแต่อีกไม่กี่นาทีผมจะกลับเพราะผมไม่ได้รับการตอบรับและการยอมรับของพวกคุณ  ผมต้องขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียเวลา แต่ผมมีเรื่องวัฒนธรรมและกิริยามารยาททางสังคมที่ประเทศผมมาเล่าให้ฟัง  ที่ไม่เกี่ยวกับช้าง  หลายคนถามผมเรื่องช้าง ผมไม่รู้ผมเป็นครูผมมีหน้าที่ทำให้เด็กในประเทศไทยมีระเบียบวินัยมีความรู้ หลายคนมักใช้คำว่าไปโรงเรียนให้ครูดัดสันดานหน่อย   ผมว่าว่าคงไม่มีพวกคุณคนไหนหลงไปเรียนที่เมืองไทยน่ะครับเพราะคุณต้องปรับอีกเยอะ

 ยกตัวอย่างเช่น  เท้าที่พวกคุณวางพาดไว้บนโต๊ะแทบจะต้องใช้คำว่ามันกำลังชี้หน้าผมอยู่ในระหว่างนี้  ถ้าเป็นที่เมืองไทยผมจะเดินเข้าไปถามเด็กคนนั้นว่าด้วนสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า  นักเรียนครับลูกจะเอาขามาวางพาดโต๊ะอย่างนี้ไม่ได้น๊ะครับ มันบ่งบอกถึงกิริยามารยาทของเรา   ลูกต้องให้เกียติสถานที่ และบุคคลากรที่ให้ความรู้  แล้วเด็กนักเรียนที่เมืองไทยก็รับเอาขาลงจากโต๊ะ  เพราะเด็กนักเรียนที่เมืองไทยไม่ชอบให้ใครมาด่าว่าไม่มีมารยาท  กิริยาไม่เหมาะสม หรือที่กลัวที่สุดคือ พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรืออย่างไร   แต่นั่นที่เมืองไทย         ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยผมคงไม่ว่าพวกคุณหรอก  แต่อย่าลืมน่ะครับหากมีโอกาสได้ไปที่เมืองไทยอย่าเอาเท้าไปวางบนโต๊ะ ที่ไหนเพราะคนไทยจะมองว่าคุณไม่มีมารยาท ''



นั่นเป็นคำกล่าวที่ผมพอจะจำได้จากอาจารย์ ชื่อ อ.วิรัช  โรงเรียนประจำำอำเภอในจังหวัดเพชรบูรณ์


สุดท้าย โปรดทำหน้าที่ของท่านต่อไป หวังว่าท่านคงจะสำเร็จในสิ่งที่ท่านมุ่งหวัง 
ท่านเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล  หวังว่าคุณคงไม่ใช่พวก ผยอง ยะโส ไร้มารยาทน๊ะครับ



ก้องกิดากร 
 
Support : Creating Website | Johny Template | Mas Template
Copyright © 2011. เขาอยากให้คุณช่วยตัดสิน - All Rights Reserved
Template Created by Creating Website Published by Mas Template
Proudly powered by Blogger