ก้นบึ้งของจิตใจของทหารเสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี
พล็อตประวัติศาสตร์กระแสหลักของชาติไทย ถูกวางรากฐานให้เป็นเครื่องมือสร้างความทรงจำร่วมเพื่อเอกภาพของรัฐ อดีตอันยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะสร้างปมเด่นให้กับประเทศชาติ เราจึงมีประวัติศาสตร์ที่อาศัยจินตนาการสูง แต่สมรรถภาพในการตั้งคำถามต่ำ ตั้งแต่พล็อต “คนไทยมาจากเทือกเขาอัลไต” กับการอธิบายประวัติศาสตร์ราชธานีสี่กรุง กรุงสุโขทัย-กรุงศรีอยุธยา-กรุงธนบุรี-กรุงรัตนโกสินทร์ ในที่สุดประวัติศาสตร์ไทยจึงจอดเทียบท่าอยู่กับความส่องสว่างของยุครุ่งเรืองถึงขีดสุดในรัชกาลที่ 5 ขณะที่ความเรืองรองของประวัติศาสตร์ปฏิวัติสยาม 2475 และความพลิกผันของสถานการณ์เมืองที่มีปัจจัยอันสลับซับซ้อน ได้ถูกทำให้ลืมๆกันไป ด้วยการยกความดี ความจริง ความงามของบางสิ่งบางอย่างเข้าแทนที่ พร้อมโครงเรื่องง่ายๆ ที่แบ่งข้างด้วยความดี ความชั่ว ขาว ดำ พระเอก ผู้ร้าย ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากในการสร้างความจดจำ แม้มันจะไม่บันเทิงใจเท่าละครหลังข่าวเท่าใดนักก็ตาม
นั่นคือเสียงสะท้อนยุคประวัติศาสน์ที่ยาวนานแต่มิอาจลืมเลือน
สำหรับบทความที่กระผมกำลังเขียนถ่ายทอดอยู่นี้ คือ
เสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี
จากการสนทนาระหว่างผมกับทหารผู้กล้าซึ่งทหารนายนั้นเป็นเพื่อนสนิทสนมของผมเอง เราใช้ชีวิตในวัยเยาว์ร่วมกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออด ให้หลังเมื่อต้นเดือนก่อน ก่อนมีการปิดกรุงเทพมหานคร ผมได้มีโอกาสพบสหายอันเป็นที่รักหลังจากแยกย้ายทางกันทำมาหากินตามอาชีพที่เราถนัดและร่ำเรียนมา แน่นอนประเด็นหลักที่ต้องมีเรื่องให้สนทนากันคงไม่พ้นเรื่องการเมืองและความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทหารยศน้อยเพื่อนของผมดูที่ท่าว่าอยากรู้อยากเห็นกับเหตุการณ์ในกรุงเทพซะเหลือเกิน ถ้าจังหวัดสุโขทัยไม่ไกลจากกรุงเทพเกิน 100 กิโลเมตร ผมจะขับรถพาเขาไปดูเหตุการณ์การปิดกรุงเทพให้เห็นกับตาซะให้รู้แล้วรู้รอด
แต่สิ่งที่ผมกำลังคิดกับตรงข้าม แท้ที่จริงแล้ว เพื่อนทหารของผมไม่ได้อยากรู้อยากเห็นบรรยากาศการชุมนุมที่กรุงเทพแม่แต่น้อย ทหารนายนั้นมีทีท่ากังวลเรื่องความรุนแรงที่กำลังประทุขึ้นทุกทีมากว่าด้วยความเป็นทหารผู้น้อยของเขา เขายอมรับว่าเขาไม่มีสิทธิที่จะรับรู้เลยว่าเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อทำหน้าที่เป็นกองกำลังควบคุมเหตุการ์ หรือต้องรับคำสั่งที่ต้องใช้ความรุนแรกมากกว่านี้หรือไม่ ทหารนายนี้มีประสบการณ์ตรงจากการประทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม เขาเล่าให้ผมฟังว่าปฎิวัติครั้งก่อนระหว่างที่เขากำลังทานอาหารเที่ยงกับลูกเมีย เสียงแตรรวมพลส่งสัญญาณที่ทุกคนเดาได้ไม่ยากว่าต้องเกิดการปฎิวัติและต้องเดินทางจากลูกเมียเข้ากรุงเทพเพราะก่อนหน้านี้มีการเตรียมความพร้อม 100% อยู่แล้ว หน้าที่ของภรรยามีเพียงรีบจัดเตรียมเครื่องราวของขลังพระเครื่องดีๆสักองค์ให้สามีติดตัวให้แครวคราดมีชีวิตรอดจากการทำหน้าที่ของเขาให้ได้เขาถูกประจำการอยู่ ราบ11 ย่านสะพานใหม่ เพื่อนทหารของผมมีความศรัธราและชื่นชอบในนโยบายรากหญ้าในสมัยนั้นไม่ต่างจากคนอีกเกือบทั้งประเทศซึ่งสมัยนั้นไม่มีพักการเมืองใดจะโค่นล้มการเลือกตั้งของเขาได้ แต่สุดท้ายเจ้าของอุดมการณ์และนโยบายท่านนั้นต้องหนีคดีออกนอกประเทศ ทิ้งไว้เพียงความขัดแย้งและความรุนแรงกับหน้าที่การปฏิวัติโดยทหาร
การสลายการชุมนุนคนเสื้อแดงในคราวนั้น มันคือเหตุการณ์ที่เขาจะไม่ลืม เขายอมรับกับเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ในเมื่ออุดมการณ์ทางการเมือง การยึดมั่นถือมั่นและศรัธราในนโยบายสีแดงในใจเขามันเต็มเปลี่ยมจนแทบล้นออกมาจากอกเรียกได้ว่าเกือบเคยวางมวยกับเพื่อนบ้านเรื่องการแบ่งสีมาแล้ว
ด้วยประสบการณ์ของบ้านเมืองไทยครั้งนั้นอาจยังคงน้อยนิดกับการควบคุมเหตุการณ์ จึงได้เกิดการสูญเสียเลือดเนื้อของทั้งทหารตำรวจและผู้ชุมนุมทางการเมือง คำพูดตะโกนบอกกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังบ้าครั่งไร้สติ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดแม้กระทั่งความตายดูจะไม่ได้ผล ทหารชั้นผู้น้อยยอมรับว่าคำพูดที่เขาพยายามเกลี้ยกล่อมผู้ชุมนุมที่มีหัวใจรักในอุดมการณ์เดียวกันคงใช้ไม่ได้ผล ความหวาดระแวงทำให้ไม่มีช่องว่างให้เกิดความไว้วางใจกันอีกต่อไป ผู้ชุมนุมคงมองเพื่อนทหารของผมเป็นศรัตรูเป็นแน่แท้ ยิ่งหากเสียงกระตุ้นจากแกนนำของพวกเขาทะลุเครื่องขยายเสียงและสัมผัสกับแก้วหูของพวกเขาเมื่อไหร่ ความบ้าครั่งยึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เพื่อนผมยอมรับว่าการที่เขาเป็นทหารมีการฝึกมาพอสมควรหากเจอกำลังที่มากว่า ทหารก็ทหารเถอะ สามารถจมตีนประชาชนได้ไม่ยากเหมือนกันเพื่อนผมพูดติดตลก สิ่งดี่ที่เขาถูกสั่งให้ทำได้คือการยิงปืนขู่เท่านั้น สำหรับเขาทำตามคำสั่ง เขายืนยันเสียงหนักแน่
ผมมองว่าเสียงสะท้อนของทหารอยากเลือกสีเรื่องนี้ มันไม่ได้ฟังแล้วซึมซับจนทำให้เกิดการยุติการชุมนุมและความรุนแรงได้ทั้งหมดหรอก แต่สิ่งนี้มันเป็นแนวทางในการต่อยอด หาทางออกลดการสูญเสียระหว่างประชาชนผู้ที่กำลังชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ที่เขาต้องทำหน้าที่ ต่างหาก มีเลือดเนื้อเหมือนกัน ใครนอกรีดหรือกัดกินประเทศให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและกฎหมายร่วมคลี่คลาย ปมที่เขาเหล่านั้นได้ผูกและสร้างมันขึ้นมากันเอง โดยหน้าที่เขาคือผู้บริหารประเทศที่ทำงานในวาระหน้าที่ต่างกัน การทำหน้าที่ผมเชื่อว่าไม่ต่างชั้นกันมากหายใจลดต้นคอกันมาติดๆ ไม่ว่าการสูดดมกลิ่นระหว่างกันจะมีกลิ่นหอมบ้างกลิ่มเน่าบ้างไม่ใช่พวกเขาหรือที่รู้ตื้นลึกหนาบางซึ่งกันและกันดี
( หากโดยเพียงเพื่อเราเหล่าประชาชนและข้าราชการผู้ทำหน้าที่ก็เป็นมนุษย์เท่ากัน ท่านคือกลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ตามอุดมคตินั้นๆ โดยท่านได้รับข่าวสารและไตร่ตรองผิดถูกตามความคิดของท่านมาดีแล้วว่าจะยึดมั่นแสดงพลังเข้าร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องทวงสิทธิประชาชน และร่วมต่อต้านการธุรจริตปกป้องประเทศชาติ และพระมหากษัตริย์ ท่านจึงขอทำหน้าที่ของท่านและควรทำหน้าที่ของประชาชนผู้ชุมนุมๆ เพื่อแสดงถึงพลังของอุดมการณ์แต่หากเพียงต้องเป็นเราหรือท่านหรือที่ต้องทำหน้าที่ ดาหน้าเข้าฟาดฟันกับคนที่คิดต่างอุดมคติ และคนที่ผู้นำอุดมการณ์ของเราและท่านมองว่าเขาเลวทราม แท้จริงแล้วเรื่องวิ่งเข้าฆ่าฟันกันรับกระสุนรับระเบิด ของกันและกันควรเป็นของผู้ที่ชอบผูกและชอบสร้างปมให้แก้หรือกฎหมายไม่ดีกว่าหรือ หรือมันไม่มีทางออกเหล่านั้นแล้วหรือหากกล่าวว่าแม่ทัพต้องตายเป็นคนสุดท้าย เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนทัพต่อ หากไม่มีแม่ทัพนายกองใครจะเป็นผู้บรรชาทัพมันถูกต้องแล้วหรือกับความสูญเสียของ มนุษย์ที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนดหน้าที่และขอบเขตการแสดงพลังของพวกเขาไว้อย่างปลอดภัย )
คำกล่าวของเพื่อนทหารของผม อาจไม่มีความหมายเขาคิดออกมาจากแง่มุมของเขา โดยผมมีหน้าที่ถ่ายทอดถึงผู้อ่านทุกท่านบล็อกเกอร์ เขาอยากให้คุณช่วยตัดสิน ซึ่งแน่นอนบล็อกแห่งนี้ไม่มีคำว่า คิดถูกหรือคิดผิด หรือว่าใครใจหมาใครใจมด แต่มีเพียง ให้ทุกท่านร่วมบริหารแง่มุมทางความคิดกันเท่านั้น
ไทยแลนด์ สู้ๆ ใครผูกให้รีบแก้ หากไม่มีใครผูกไว้ก็อย่าไปสร้างปมแล้วหาเรื่องแก่กันเอง ประชาชน ผู้ทำหน้าที่
เขาจะโกรธกันทั้งประเทศอยู่แล้ว ว่ะ
ก้องกิดากร
|
ราชดำเนินในความหลัง
Latest Post
เสียงสะท้อน จากก้นบึ้งในจิตใจ ของทหารอยากเลือกสี
Written By Unknown on 21/2/57 | 16:29
อุทาหรณ์ในการบริหารบ้านเมืองอันสมบูรณ์
Written By Unknown on 16/1/57 | 16:23
อุทาหรณ์ในการบริหารบ้านเมืองอันสมบูรณ์
ชุมชนเล็กๆใน GOOGLE+ ชุมชนที่เสนอช่องทางให้ผู้รักสันติและหรือแชร์แปล่งปันแง่คิดให้จรรโลงสังคม
วันนี้ผมนำบทความในชุมชนมาแชร์ให้สังคมไทยได้พิจารณา แต่ที่ผมไม่แน่ใจในตอนนี้คือ จะเก่าเกินไปหรือเปล่าสำหรับสถานะการณ์ที่ลุกลามในปัจจุบัน
อุทาหรณ์ในการบริหารบ้านเมืองอันสมบูรณ์ คน ๔ จำพวก เปรียบด้วยหนู ๔ จำพวก คือ
คนจำพวกที่ ๑ ปลูกเรือนแต่ไม่อยู่ เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๑ คือ ขุดรูแต่ไม่อยู่ ได้แก่ คนที่เรียนรู้มาก แต่ไม่ทำตามทำพนองคลองธรรม
คนจำพวกที่ ๒ อยู่แต่ไม่ปลูกเรือน เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๒ คือ อยู่แต่ไม่ขุดรู ได้แก่คนที่ไม่ได้เรียนรู้ แต่ทำตามตามทำนองคลองธรรม
คนจำพวกที่ ๓ ปลูกเรือนด้วย อยู่ด้วย เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๓ คือ ขุดรูด้วยอยู่ด้วย ได้แก่คนที่เรียนรู้ด้วย ทำตามทำนองคลองธรรมด้วย
คนจำพวกที่ ๔ ไม่ปลูกเรือนและทั้งไม่อยู่ เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๔ คือ ไม่ขุดรูและทั้งไม่อยู่ ได้แก่คนที่ไม่เรียนรู้และไม่ทำตามทำนองคลองธรรม
อุปมา อุปไมย ข้อความเหล่านี้ มีอุทาหรณ์อย่างนี้ ว่า ม้า ที่ผู้ฝึกม้าฝึกไม่ได้ ผู้ฝึกม้านั้นก็ฆ่าม้านั้นเสีย ฉันใด, บุคคลที่พระพุทธเจ้าฝึกไม่ได้ พระองค์ ก็ฆ่าบุคคลนั้นเสียในทางธรรม ฉันนั้น. การฆ่าในทางธรรมของพระองค์ คือการไม่สอนอีกต่อไป.
อุทาหรณ์ความข้อนี้ ชี้ให้เห็นว่า บุคคล จำพวกที่ ๔ นั้น หมายถึงอันธพาล อันธะ แปลว่า มืดบอด พาละ แปลว่า โง่ อันธพาล จึงแปลว่า ทั้งบอดทั้งโง่ บุคคลจำพวกนี้ ไม่สามารถแก้ไขด้วยการพูดจาได้ ย่อมจำต้องใช้กำลังบริหารจัดการไปตามหลักกฎหมายในการบริหารบ้านเมือง เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นอยู่ในทำนองคลองธรรม.
ภัยที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเกิดจากคนพาล มิใช่เกิดจากบัณฑิต
อุปัททวะทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากคนพาล มิใช่เกิดจากบัณฑิต (อุปัทวะ คือความอุบาทว์ จัญไร อันตราย).
อุปสัคทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากคนพาล มิใช่เกิดจากบัณฑิต (อุปสัค หมายถึงความขัดข้อง เช่น มีโจรปล้นบ้านล้อมไว้ไม่ให้หนีไปไหน เป็นต้น.
คนจำพวกที่ ๑ ปลูกเรือนแต่ไม่อยู่ เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๑ คือ ขุดรูแต่ไม่อยู่ ได้แก่ คนที่เรียนรู้มาก แต่ไม่ทำตามทำพนองคลองธรรม
คนจำพวกที่ ๒ อยู่แต่ไม่ปลูกเรือน เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๒ คือ อยู่แต่ไม่ขุดรู ได้แก่คนที่ไม่ได้เรียนรู้ แต่ทำตามตามทำนองคลองธรรม
คนจำพวกที่ ๓ ปลูกเรือนด้วย อยู่ด้วย เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๓ คือ ขุดรูด้วยอยู่ด้วย ได้แก่คนที่เรียนรู้ด้วย ทำตามทำนองคลองธรรมด้วย
คนจำพวกที่ ๔ ไม่ปลูกเรือนและทั้งไม่อยู่ เปรียบด้วยหนูจำพวกที่ ๔ คือ ไม่ขุดรูและทั้งไม่อยู่ ได้แก่คนที่ไม่เรียนรู้และไม่ทำตามทำนองคลองธรรม
อุปมา อุปไมย ข้อความเหล่านี้ มีอุทาหรณ์อย่างนี้ ว่า ม้า ที่ผู้ฝึกม้าฝึกไม่ได้ ผู้ฝึกม้านั้นก็ฆ่าม้านั้นเสีย ฉันใด, บุคคลที่พระพุทธเจ้าฝึกไม่ได้ พระองค์ ก็ฆ่าบุคคลนั้นเสียในทางธรรม ฉันนั้น. การฆ่าในทางธรรมของพระองค์ คือการไม่สอนอีกต่อไป.
อุทาหรณ์ความข้อนี้ ชี้ให้เห็นว่า บุคคล จำพวกที่ ๔ นั้น หมายถึงอันธพาล อันธะ แปลว่า มืดบอด พาละ แปลว่า โง่ อันธพาล จึงแปลว่า ทั้งบอดทั้งโง่ บุคคลจำพวกนี้ ไม่สามารถแก้ไขด้วยการพูดจาได้ ย่อมจำต้องใช้กำลังบริหารจัดการไปตามหลักกฎหมายในการบริหารบ้านเมือง เพื่อให้บุคคลเหล่านั้นอยู่ในทำนองคลองธรรม.
ภัยที่เกิดขึ้นทั้งหลายทั้งปวง ล้วนเกิดจากคนพาล มิใช่เกิดจากบัณฑิต
อุปัททวะทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากคนพาล มิใช่เกิดจากบัณฑิต (อุปัทวะ คือความอุบาทว์ จัญไร อันตราย).
อุปสัคทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากคนพาล มิใช่เกิดจากบัณฑิต (อุปสัค หมายถึงความขัดข้อง เช่น มีโจรปล้นบ้านล้อมไว้ไม่ให้หนีไปไหน เป็นต้น.
จากคุณ
Luangta Fueng
แซบเวอร์ เมื่อนักวิชาการ ถกประเด็น เลื่อน-ไม่เลื่อนการเลือกตั้ง
ชมวิดีโอ
เจาะข่าวเด่น-เลื่อน-ไม่เลื่อน"เลือกตั้ง" ยุติความรุนแรง?
เป็นประเด็นที่ถือว่าแซ่บมากในความคิดของผม เมื่อ อ.ด้าน เศรษฐศาสตร์ - ปะทะมุมมองแนวคิดกับ อ.ด้านนิติศาสตร์ ประเด็นในการเจาะลึกในวันนี้ คุณสรยุทธผู้ดำเนินรายการตั้งประเด็นที่ว่า
เลื่อน-ไม่เลื่อน"เลือกตั้ง" ยุติความรุนแรง?
สำหรับแขกผู้รับเชิญ ร.ศ ปณิธาน นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ และ อ.เอกชัย คนหนุ่มไฟแรงที่ถนัดด้านกฎหมาย ทั้งสองท่านทำให้ผมได้แนวคิดถึงสถานะการณ์ ทำให้มองมุมมองได้ลึกซึ้งขึ้น ......
ทีแรกก็ไม่ได้หวังอะไรมากจากรายการหรือวีดีโอนี้ เพราะผมตัดสินในใจก่อนเลยว่า คงไม่ได้เนื้อหาสาระอะไรนอกจากคน2กลุ่ม มาถกเถียงเข้าข้างฝ่ายที่พวกเขากำลังสนับสนุนก็เท่านั้น
แต่ครั้งนี้มุมมองผมกับไม่ใช่ ผมเชื่อว่าอาจารณ์ทั้ง2ท่านหวังดีกับประชาชนและประเทศไทยจริงๆ ความขัดแย้งตามแนวทางของความคิด ทั้ง2 เป็นเพียงการหยิบยกเหตุผลด้าน กฎหมายซึ่งอาจารย์ เอกชัยมองว่าไม่สามารถเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ตาม รัฐธรรมนูญ ส่วนมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์มองว่าหากเป็นไปได้ควรเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเพราะหวั่นถึงสถานะการณ์ความรุนแรงในวันที่ 2 กพ 2557
ผมหวังว่า
เจาะข่าวเด่น-เลื่อน-ไม่เลื่อน"เลือกตั้ง" ยุติความรุนแรง? ในครั้งนี้คงมีประโยชน์ต่อผู้ติดตามบล็อกของเรา ผมรับรองว่าคุณต้องได้ประโยชน์ในครั้งนี้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุด ผมหลงไหลในวาทะ และแนวคิดของอาจารย์ทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากทั่านทั้ง 2 ออกมาปกป้อง สิทธิและหรือ ความปลอดภัยของประชาชนอย่างแท้จริง
สุดท้าย หวังอีกว่าประเทศจะไม่เพี้ยนไปกว่านี้หรือถ้าเพี้ยนไปกว่านี้ คงมีประเด็นดีๆในบล็อกแห่งนี้
เขาอยากให้คุณช่วยตัดสิน อย่างแน่นอน!
ก้องกิดากร
กำลังหลอกตัวเอง เพื่อปกปิดความอ่อนแอ
Written By Unknown on 23/10/56 | 00:40
หลังจากหยุดและยุติการเขียนบล็อกมาหลายนานเดือน เรื่องล่าสุดที่เขียนคงเป็นเื่รื่องของ นายเนติวิทย์เด็กไทยปฎิวัติการศึกษา มีแฟนบล็อกเกอร์ตอบรับมากมายพวกเขามองว่าบล็อกแห่งนี้เป็นแนวทางการเขียนของบล็อกแนวประชาอธิปไตย มันอาจจะเป็นเรื่องจริงพวกเราเริ่มมีการแสดงอารยธรรมของเราในgoogle+ หากท่านมีแนวทางและมีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนมุมมองแง่มุมที่สังคมมองว่าร้าย และ บางแง่ที่ใครมองว่าดีงาม นำทั้งสองมาผสมรวมรวมกันแล้วสรุปออกมาได้เจริญหูเจริญตาเวะมาเยี่ยมเขียนบทความกันได้ืั้ที่ https://plus.google.com/u/0/communities/109753548929883645737
เข้าเรื่องที่อยากให้ร่วมตัดสินกันเลยเลยดีกว่า น้องกิ๊ฟ เชอร์รี่น้องวาย มีตั้งมากมายสารพัด ว่าด้วยเรื่อง การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนมาหลายหน้าที่ สากกะเบือยันเรือรบก็ว่าได้ ทั้งเสริฟข้าวเสริฟน้ำหาเงินเรียน บ้างก็เป็นลูกไล่ถูกโขกสับให้ตัวเองช้ำใจ เทพหน่อยก็เคยใกล้นายให้หลายคนต้องอิจฉา มีคำกล่าวว่าการที่เราขึ้นหลังเสือแล้วจะลงลำบาก อาจหมายถึงการทำงานได้ดิบได้ดีเงินเดือนแพงๆ มีหน้ามีตาในสังคมและวัฒนธรรมของการทำงานมีหรือจะกลับไปกรอกอาหารสัตว์รับค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท หลายท่านอาจจะมองว่าเอาล่ะยังไม่ทันเดินเรื่องไปถึงกลางบล็อกเลยเริ่มจะยโสโอหังยกตนอวดท่านซ่ะแล้ว เปล่าเลยแต่นั่นต่างหากที่ผมอยากให้ท่านร่วมขบคิดและเลือกทางเดินไปกับผม
เรื่องมีอยู่ว่าต้นปี 54 บังเอิญผมมีโอกาสได้เข้าทำงานในตำแหน่งที่ตนเองไม่ถนัดนัก HR คืออะไร โหด เหี้ยม พระเดท พระคุณ โอกาสที่จะทำให้ใครอยู่ใครไป อยู่ในกำมือผมอย่างไม่ตั้งใจ กฎหมายแรงงานเขาเปลี่ยนกันเป็นพายุบุแคม แต่ในสมองของผมไม่เคยคิดอยากเปลี่ยนตามเขาเลย เพราะผมอาจจะไม่ใช่HRตัวจริงตามหลักการที่เขาวางเกณฑ์ไว้ก็เป็นได้
SME เป็นตัวย่อบ่งบอกถึงสถานะภาพที่ผมกำลังทำงานอยู่ ห้องทำงานแสนจะส่วนตัวเท่านั้นที่ผมรู้สึกดีในวันแรกของการทำงาน แต่ที่เหลือคือ ภาษา กิริยา แล ะพฤติกรรมเฮียๆที่ผมถูกต้อนรับกับสังคมแห่งนี้ บ้างว่าเฮียนี่แม่ง! หักเงินกูกูจะด่าให้ เถ้าแก่ก็สั่งห้ามเข้าข้างพนักงานเด็ดขาดต้องเข้าข้างเขาเท่านั้นเขาตัดสินใจอยู่น่นก่อนจะพูดคำนี้กับผม บ้างก็ให้HRไปตำหนิพนักงานที่สุดแสนจะอาวุฒิโสเขี้ยวรากดินจนยากจะมีผู้ใดต่อกร การถ่ายทอดส่งมอบงานงานระหว่างคนเก่าส่งให้คนใหม่ที่รับมอบหมายก็สุดแสนจะรันทดดองยาวไม่บอกไม่กล่าวแนะแนวทางการทำงานกันซักคำ สายตาทุกคู่ที่จับจ้องมองรังเกียจอย่างกับว่าผมเหยียบอุจาระมาซ่ะอย่างนั้น พฤติกรรม HRพันธุ์เถื่อนของผมเริ่มจุดประกาย เอกสารISO ที่การันตีความเทพของโรงงาน ผมจัดการเปลี่ยนแนวทางตามแบบของผม ตามหลักการง่ายกระชับ แต่ยังยิดตามหลักเหตุผลโดยการศึกษาจากรุ่นพี่ และ ศึกษาจากโลกออนไลน์ในไม่ช้า เอกสารที่รกรุงรัง กายเป็นเรื่องที่ง่ายที่จะหยิบจับ แรงงานสัมพันธ์และการเข้าถึงทำให้ง่ายที่จะเข้ากับเสือสิงห์กระทิงที่ดุร้าย ความบริสุทธิ์ใจและคำพูดที่ตรงไปตรงมา การให้เกียติในการแสดงออกทางความคิดทำให้หลายคนเริ่มอยากจะชักชวนผมเข้าพวก..... สุดท้ายไม่ยากที่จะขอถอนเขี้ยวพวกเขาออกอย่างที่เขาพอใจที่จะถอดออก มันไม่มีหลักเกณฑ์อะไรเลยมันคือความจริงใจล้วนๆ คุณจะลืมคำว่าจิตวิทยาจอมปลอมไปเลย แต่อย่าเผลอลองเอาเขี้ยวที่เขาถอดไว้มาลองใส่ซะล่ะ
กาลเวลาผันแปรเปลี่ยน SME ตีแตกเริ่มเล่นงานผมเข้าให้ DC แผนกเอกสารเซ็นเตอร์ตามภาษาเรียกเชยๆแต่เข้าใจง่ายของผมถูกผลักดันหน้าที่ให้ผมรับผิดชอบ อีกไม่นาน จนท.การตลาด ตามผมมาติดๆ ปัญหามาจากพนักงานเก่าๆลาออกไปแสวงหาที่ทำงานใหม่ๆที่เขาพอใจหว่าที่เดิม แต่คราวนี้มาพร้อมกับการเสนอเงินก้อนโต แน่นอนผมยินดีที่จะรับมันไว้ ถามจริงๆในหัวสมองผมมีอะไรที่เป็นการตลาดผลักดันยอดขายหรือไม่ ผมตอบได้เลยว่าไม่มีเลย ก็คงต้องพึ่งรุ่นพี่และโลกออนไลน์อีกตามเคย ทุกกระบวนการผมเดินตามแบบของผมเปลี่ยนเอกสารให้สอดคล้องกับการทำงานที่เหลือก็รอโจทย์ยากๆวิ่งมาหาเราให้ฝึกสมอง และที่สำคัญผมทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วเสมอ
ต้นปี56 SME ตีแตกเกิดวิกิตอย่างหนัก ผู้บริหารแถลงการบ้างไม่แถลงการบ้าง ปัญหาของเถ้าแก่ยากล้นที่จะแก้ไข เงินเดือนออกล่าช้านัดวันผลัดวันประกันพรุ่งสุดท้ายพนักงานแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางบ้างก็ดึงรั้งไว้ได้ บ้างก็ถ่มน้ำลายเหยียดหยามการบริหารงานอย่างไม่โปร่งใสของถ้าแก่
ผมไม่วันที่จะกล้าโทษใครแต่เถ้าแก่โทษเศรษฐกิจท่านมองว่ามันหลอกหลอนประชาชนจนน่ากลัวกว่าผีซะอีก... สุดท้ายล่าสุด 15/10/56 ทั้งๆที่ผมไม่อยากซื้อของก็ยังจะให้ผมซื้ออีก เถ้าแก่บ้าระห่ำทะลุบ้องเกินขีดพิกัดมอบงานจัดซื้อให้ผมช่วยดูแลอีกตำแหน่งทำเอาผมมึนงง ทั้งที่ยังมีบุคคลากรอีกมากมายให้เลือกใช้
คำพูดที่ว่า "ทำงานเก่งทำได้ทุกอย่างหรือว่าว่างงานเลยยกงานให้ผมทำ" คือคำที่หลายคนกำลังพูดและวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวผมในเวลานี้ ข้อเสนอค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นยุติลงทิ้งท้ายไว้ที่คำว่า ขอความช่วยเหลือแน่นอนผมยินดีที่จะรับมันไว้ในอ้อมใจที่สั่นคลอนอีกที่สั่นคลอนก็คงเพราะพวกเราไม่ได้รับเงินเดือนมา 2 งวดแล้ว
คำพูดที่ว่า "ทำงานเก่งทำได้ทุกอย่างหรือว่าว่างงานเลยยกงานให้ผมทำ" คือคำที่หลายคนกำลังพูดและวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวผมในเวลานี้ ข้อเสนอค่าตอบแทนที่เพิ่มขึ้นยุติลงทิ้งท้ายไว้ที่คำว่า ขอความช่วยเหลือแน่นอนผมยินดีที่จะรับมันไว้ในอ้อมใจที่สั่นคลอนอีกที่สั่นคลอนก็คงเพราะพวกเราไม่ได้รับเงินเดือนมา 2 งวดแล้ว
เงินหลายหมืน คือข้อเสนอที่มากว่าที่ผมกำลังได้รับอยู่ปัจจุบันอาจเป็นคำตอบสุดท้ายของข้อเสนอ ที่ผมอาจต้องตัดสินใจทิ้งงานที่กำลัง้าทายไป หากทำงานตำแหน่งเดียว เงินเดือนออกตรงไม่เดือดร้อนครอบครัวเหมือนที่กำลังเป็นอยู่ สังคมที่เปลี่ยนแปลง และความกดดันจากครอบครัวที่กำลังเดือดร้อน ค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ทำให้ผมแอบคิดไปว่า!
ผมกำลังเย่อหยิ่งกับหัวโขนที่เถ้าแก่มอบหมายให้
ผมกำลังสนุกกับงานในSMEทำจนเกือบจะครบทุกตำแหน่งในโรงงาน
ผมกำลังสงสารเถ้าแก่และกำลังให้กำลังใจเขาทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้จริงใจอะไรกับเรามากนัก
หรือสุดท้ายผมกำลังปกปิดความอ่อนแอบางแง่ของผมอยู่ กับการเริ่มต้นใหม่
สุดท้าย มันก็แค่อุทาหรเล่าสู่กันฟังเผื่อใครเคยประสบเหตุการณ์ ผมว่ามันยากมากสำหรับการตัดสินใจ
แต่นั่นมันคือ
'' การให้โอกาสตัวเอง หรือการให้โอกาสเถ้าแก่ หรือมันคือความกลัวที่จะเปลี่ยนแปลกันแน่"
สุดท้าย ความหิว อาจจะเป็นคำตอบสุดท้าย
บทสนทนา
HR : เถ้าแก่ครับเงินเดือนงวดนี้เลื่อนออกมานานแล้วน๊ะครับพนักงานถามผมเยะมากผมเกรงว่าเขา อาจจะ ลาออกจากโรงงานไปทำงานที่อื่นกันหมดครับ
เถ้าแก่ : ผมเข้าใจน๊ะ บริหารประเทศ กันอย่างไรพังกันหมดแล้วรัฐบาลเคยมาช่วยรับผิดชอบอะไรไหม สุดท้ายรากหญ้าก็ต้องมารับกรรม
HR : เถ้าแ่ก่รากหญ้าผมไม่ใช่ใส้เดือนเลยหรือครับ ตอบตรงประเด็นหน่อยครับ พนักงานจะหนีหมด แล้วครับ
เถ้าแก่ : HRคุณช่วยบอกพนักงานทุกคนน๊ะว่าผมไม่โกรธ ผมเข้าใจว่าคนหิวมันเป็นอย่างไร
HR : เถ้าแก่ก็ยังไม่ตรงประเด็นน๊ะครับ หิวข้าวมันโกรธน๊ะครับแต่ยังทนได้แต่ที่เขาจะทนไม่ได้คือคำ พูดที่ยังไงก็ยังไม่ตรงไปตรงมาของเถ้าแก่ แล้วคำว่าเข้าใจว่าคนหิวมันเป็นอย่างไร อย่าพูดให้ พนักงานใส้เดือนที่ต่ำกว่ารากหญ้าได้ยินน๊ะครับเขาจะตีความผิดๆ หาว่าเขาไม่มีจะกัน จะยุ่งกัน ไปใหญ่ครับ
ปล.คนที่เหลือต่อไปที่จะก้าวต่อไปกับโรงงานและเริ่มสร้างความยิ่งใหญ่ในธุรกิจกันอีกครั้งเพราะคนที่เหลืออยู่เราคัดแต่เพชรแท้ๆ เอาไว้เท่านั้น เสียงโห่ร้องของพนักงานดังกิ๊กก้องป้าชูจิต ญายชูใจ พ่อถวัล ลุงเกษม อาม่ากิมเจียง กับชายร่างเล็กและหญิงลูกสาม ตบมือแสดงความดีใจกับการที่ถูกคัดเลือกว่าเป็นเพชร ที่คัดไว้งั้นหรือ อิๆๆๆ (แซว)ขำๆ
เนติวิทย์ ซัดระบบการศึกษาไทยล้าหลัง วันไหว้ครูต้องหมอบคลานเข้าไปเหมือนสิงสาราสัตว์
Written By Unknown on 26/7/56 | 10:02
ตอกย้ำ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับ ท่านเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล โพสต์เฟซบุ๊กซัดระบบการศึกษาไทย ปลูกฝังความเป็นไทยที่เป็นเพียงนามธรรม ล้าหลัง พอถึงวันไหว้ครูก็ต้องหมอบคลานเข้าไปเหมือนสิงสาราสัตว์
ท่านเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กล่าวไว้อย่างยอดเยี่ยมและผมเห็นภาพได้อย่างชัดเจนฝุดๆ
ที่กล่าวมาผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ท่านเขาวิเคราะห์ ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วล่ะถ้านักเรียนซึ่งมีความสามารถเป็นถึง เลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย หน้าที่คุณคงต้องปฎิวัติต่อไป หน้าที่ผมคงต้องเขียนให้ผู้อ่านของผม ตัดสินเรื่องราวของคุณในแบบที่เรียกว่า คนใจกว้างในการตัดสินเรื่องราวให้ได้ แต่สิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ก็คือ ถ้าอีกหน่อยมี เลขาธิการสมาพันธ์ครูไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย ผมว่าน้องต้องหนาวๆร้อนๆแน่ๆ
คุณไม่ต้องการกราบไหว้ครูเหมือนสิงห์สาราสัตว์คุณก็แค่เดินออกจากกิจกรรมนั้นไป เมื่อก่อนผมกับเพื่อนๆทำบ่อยมักจะหนีกิจกรรมคุกเข่าเข้าไปกราบครูแต่ไม่ใช่ไม่อยากกราบน๊ะครับ แต่เป็นการฉวยโอกาสซึ่งสมัยก่อนเขาเรียกโดดเรียนนั่นเอง
แต่ถ้าวันไหนที่โรงเรียนคุณมีกิจกรรมวันแม่วันพ่อ กิจกรรมเขาก็ต้องคุกเขาเข้าไปกราบไหว้พ่อแม่เหมือนกัน น้องจะกล่าวคำว่าคลานไปกราบเหมือนสิงห์สาราสัยว์หรือเปล่า ผมหวังว่าระดับเป็นประธานคงแยกแยะออกน๊ะครับ อีกเรื่องถามจริงๆเคยเก็บย่าแพรกหรือเปล่า บางคนให้ความสำคัญมากๆ ต้องเอากระลามาครอบหญ้าไว้เป็นหลายอาทิตย์เพื่อให้หญ้าเหลืองเป็นหญ้าแพรกมันเป็นพิธีการที่แปลกในความคิดคุณอีกหรือเปล่า หรือคุณไม่รู้จักหญ้าแพรก แล้วหญ้าแพรกอยู่ในหัวข้อปฎิวัติการศึกษาไทยของคุณด้วยหรือเปล่าครับ
บล็อก เขาอยากให้คุณช่วยตัดสิน |
ทำให้คนไทยที่ไม่ใช่หัวใจไทยและคนหัวใจไทยหลายๆคน ไม่พอใจสำหรับ คุณคนนี้ ผมว่าผมเป็นประเภทโฉด เลว ดี แล้วน่ะแต่ยังนึกเคียงกับคำพูดของน้องคนนี้เขาเข้าเหมือนกัน ที่น้องเขากล่าวไว้เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา
''เป็นเรื่องยากพอสมควรที่จะพูดถึงความเป็นไทย โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยมีความสนใจในความเป็นไทยสักเท่าไหร่ เหมือนคนทั่วไปที่ไม่สนใจความเป็นไทย แต่แน่ละ ผมคิดว่าที่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจอะไรคือความเป็นไทย ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิธีคิดของความเป็นไทย ที่ไม่ต้องการให้มีการสืบค้น คิดตั้งคำถาม แล้วชีวิตของพวกเราก็วนเวียนกับเรื่องความเป็นไทย โดยส่วนสำคัญในการปลูกฝังนี้ก็คือสถาบันการศึกษา''
ฟังข้อความข้างบนนี้แล้ว ผมพูดอะไรไม่ออกเลย เพราะผมเป็นคนไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้ คำกล่าวของน้เขา ผมคิดออกแค่เพียงว่าเขาไม่อยากที่จะเป็นคนไทยซะเหลือเต็มประดา แล้วทำไมถึงไม่อยากเป็นไทยล่ะผมตั้งคำถามในสมองของผม ผมจ้องไปที่ภาพของคุณ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล หัวสมองผมคิดตลกๆว่า หรือว่าเขาอยากเป็นฝรั่งว๊ะ ฝรั่งเอกลักษณ์ของเขาที่ครองใจคนไทยหลายๆคนคือ ฟรีเซ็กซ์ ดูหน้าตาของน้องเขาเหมือนอยากปลดปล่อยอะไรบางอย่าง ที่ทำให้หายเครียดน๊ะ มองใกล้ๆบางทีเหมือนจะเห็น สิวเสี้ยน เต็มหน้าไปหมด และแล้วผมก็บังคับสมองของผมให้กลับมาเข้าเรื่องอีกครั้ง
ท่านเขากล่าวต่อว่า เราก็ถูกฝึกสอนจากโรงเรียนที่พร้อมจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนด้วยนโยบายที่สวยหรู World Class Standard School ให้คงความเป็นไทยเอาไว้ แนวความคิดของไทยไม่เหมือนชาติใดในโลก หรืออะเมซิ่งไทยแลนด์ถูกปลูกฝังเข้ามา เราจึงเห็นเพจประชาคมอาเซียน ที่แอดมินคนไทยบอกว่า ระบบโซตัส เป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับประเทศแห่งนี้ ความคิดการจัดวางลำดับชั้นต่ำสูง ระบบอาวุโส ระบบอุปถัมภ์ ครู - นักเรียน แบบพ้นยุคพ้นสมัย จึงเป็นสิ่งสำคัญ นักเรียนก็ไม่เท่าเทียมกับครู ปัญหาการโต้เถียงถกเถียงครูอาจารย์ในสังคมไทยบางทีก็เป็นเรื่องรับไม่ได้ นักเรียนคิดแย้งก็มีน้อยและส่วนมากไม่กล้า เพราะสภาพที่กดดันและอำนาจนิยม แม้ครูกับครูเองก็มีปัญหา คือผู้บริหารคิดว่าตัวเองวิเศษ สูงส่งกว่าครูธรรมดา ครูก็มีหน้าที่รับฟัง เชื่อฟัง ขัดแย้งไม่ได้ แม้มีคนขัดแย้งก็หาพวกรวมกลุ่มกันได้ยาก เพราะครูเองก็เคยเป็นนักเรียนถูกหลอมผ่านระบบการศึกษาที่เห็นระบบอาวุโส เป็นของดี วันไหว้ครูก็ต้องหมอบคลานเข้าไปเหมือนสิงสาราสัตว์ แล้วก็อ้างว่า เป็นของไทย น้ำตาจะไหลเพราะซึ้งจัด
ท่านเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล กล่าวไว้อย่างยอดเยี่ยมและผมเห็นภาพได้อย่างชัดเจนฝุดๆ
ที่กล่าวมาผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่ท่านเขาวิเคราะห์ ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วล่ะถ้านักเรียนซึ่งมีความสามารถเป็นถึง เลขาธิการสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย หน้าที่คุณคงต้องปฎิวัติต่อไป หน้าที่ผมคงต้องเขียนให้ผู้อ่านของผม ตัดสินเรื่องราวของคุณในแบบที่เรียกว่า คนใจกว้างในการตัดสินเรื่องราวให้ได้ แต่สิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ก็คือ ถ้าอีกหน่อยมี เลขาธิการสมาพันธ์ครูไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทย ผมว่าน้องต้องหนาวๆร้อนๆแน่ๆ
คุณไม่ต้องการกราบไหว้ครูเหมือนสิงห์สาราสัตว์คุณก็แค่เดินออกจากกิจกรรมนั้นไป เมื่อก่อนผมกับเพื่อนๆทำบ่อยมักจะหนีกิจกรรมคุกเข่าเข้าไปกราบครูแต่ไม่ใช่ไม่อยากกราบน๊ะครับ แต่เป็นการฉวยโอกาสซึ่งสมัยก่อนเขาเรียกโดดเรียนนั่นเอง
แต่ถ้าวันไหนที่โรงเรียนคุณมีกิจกรรมวันแม่วันพ่อ กิจกรรมเขาก็ต้องคุกเขาเข้าไปกราบไหว้พ่อแม่เหมือนกัน น้องจะกล่าวคำว่าคลานไปกราบเหมือนสิงห์สาราสัยว์หรือเปล่า ผมหวังว่าระดับเป็นประธานคงแยกแยะออกน๊ะครับ อีกเรื่องถามจริงๆเคยเก็บย่าแพรกหรือเปล่า บางคนให้ความสำคัญมากๆ ต้องเอากระลามาครอบหญ้าไว้เป็นหลายอาทิตย์เพื่อให้หญ้าเหลืองเป็นหญ้าแพรกมันเป็นพิธีการที่แปลกในความคิดคุณอีกหรือเปล่า หรือคุณไม่รู้จักหญ้าแพรก แล้วหญ้าแพรกอยู่ในหัวข้อปฎิวัติการศึกษาไทยของคุณด้วยหรือเปล่าครับ
ไม่แปลกที่ทุกวันนี้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด คิดมากเท่าไหร่ ก็ต้องหาทางปิดช่องโหว่ของตัวเองมากเท่านั้น ก่อนที่ผมจะจบ ม6. มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ให้พวกเราทุกคนเสนอความคิดเห็นในตัวของอาจารย์ในเรื่องของการสอน เอาแบบที่ไม่ต้องเกรงใจ จะต่อว่า ด่าคำหยาบ ได้ทั้งนั้นโดยที่ไม่ต้องลงชื่อในใบสอบถามของอาจารย์ ผมก็เขียนเอาฮาว่า ควรเหลาไม่เรียวให้เล็กกว่านี้หน่อยมันโหดเกินไป
และอาจารย์ท่านนี้ท่านได้รับเกียรติไปดูงานที่ประเทศหนึ่งในยุโรป ท่านเล่าให้ฟังว่า เด็กนักเรียนที่นั่น ''เหมือนจะไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอน'' ดูถูกดูหมิ่น ว่ามาจากประเทศที่กำลังพัฒนา บ้านเมืองมีแต่ช้าง ขี่ช้างไปทำงาน อาจารย์ท่านเล่าว่าสุดจะทนกับ กิริยามารยาทของเด็กพวกนี้ ท่านเลยทดลองวิชาที่มักจะใช้ปราบเด็กไทยให้อยู่หมัด ท่านบอกว่าได้ผล เด็กฝรั่งที่ไม่สนใจฟังท่านหันมาฟังท่านมากขึ้น ส้นตีน เอ่อเท้าที่วางพาดไว้บนโต๊ะเรียนเริ่มลดลงทีละข้างๆ จนไม่เหลือเท้าของเด็กฝรั่งคนไหนพาดอยู่บนโต๊ะแม้แต่คนเดียว คำพูดที่กล่าวกล่าวคือ
'' ผมมาจากประเทศไทย ประเทศที่มีวิวัฒนาการด้านวัตถุที่น้อยกว่าพวกคุณวันนี้ผมได้รับเกียติให้มาดูงานเรื่องการเรียนการสอนที่ทันสมัย ผมเห็นว่ามันก็ทันสมัยดีแต่อีกไม่กี่นาทีผมจะกลับเพราะผมไม่ได้รับการตอบรับและการยอมรับของพวกคุณ ผมต้องขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียเวลา แต่ผมมีเรื่องวัฒนธรรมและกิริยามารยาททางสังคมที่ประเทศผมมาเล่าให้ฟัง ที่ไม่เกี่ยวกับช้าง หลายคนถามผมเรื่องช้าง ผมไม่รู้ผมเป็นครูผมมีหน้าที่ทำให้เด็กในประเทศไทยมีระเบียบวินัยมีความรู้ หลายคนมักใช้คำว่าไปโรงเรียนให้ครูดัดสันดานหน่อย ผมว่าว่าคงไม่มีพวกคุณคนไหนหลงไปเรียนที่เมืองไทยน่ะครับเพราะคุณต้องปรับอีกเยอะ
ยกตัวอย่างเช่น เท้าที่พวกคุณวางพาดไว้บนโต๊ะแทบจะต้องใช้คำว่ามันกำลังชี้หน้าผมอยู่ในระหว่างนี้ ถ้าเป็นที่เมืองไทยผมจะเดินเข้าไปถามเด็กคนนั้นว่าด้วนสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า นักเรียนครับลูกจะเอาขามาวางพาดโต๊ะอย่างนี้ไม่ได้น๊ะครับ มันบ่งบอกถึงกิริยามารยาทของเรา ลูกต้องให้เกียติสถานที่ และบุคคลากรที่ให้ความรู้ แล้วเด็กนักเรียนที่เมืองไทยก็รับเอาขาลงจากโต๊ะ เพราะเด็กนักเรียนที่เมืองไทยไม่ชอบให้ใครมาด่าว่าไม่มีมารยาท กิริยาไม่เหมาะสม หรือที่กลัวที่สุดคือ พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรืออย่างไร แต่นั่นที่เมืองไทย ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยผมคงไม่ว่าพวกคุณหรอก แต่อย่าลืมน่ะครับหากมีโอกาสได้ไปที่เมืองไทยอย่าเอาเท้าไปวางบนโต๊ะ ที่ไหนเพราะคนไทยจะมองว่าคุณไม่มีมารยาท ''
นั่นเป็นคำกล่าวที่ผมพอจะจำได้จากอาจารย์ ชื่อ อ.วิรัช โรงเรียนประจำำอำเภอในจังหวัดเพชรบูรณ์
สุดท้าย โปรดทำหน้าที่ของท่านต่อไป หวังว่าท่านคงจะสำเร็จในสิ่งที่ท่านมุ่งหวัง
ท่านเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล หวังว่าคุณคงไม่ใช่พวก ผยอง ยะโส ไร้มารยาทน๊ะครับ
ก้องกิดากร
และอาจารย์ท่านนี้ท่านได้รับเกียรติไปดูงานที่ประเทศหนึ่งในยุโรป ท่านเล่าให้ฟังว่า เด็กนักเรียนที่นั่น ''เหมือนจะไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอน'' ดูถูกดูหมิ่น ว่ามาจากประเทศที่กำลังพัฒนา บ้านเมืองมีแต่ช้าง ขี่ช้างไปทำงาน อาจารย์ท่านเล่าว่าสุดจะทนกับ กิริยามารยาทของเด็กพวกนี้ ท่านเลยทดลองวิชาที่มักจะใช้ปราบเด็กไทยให้อยู่หมัด ท่านบอกว่าได้ผล เด็กฝรั่งที่ไม่สนใจฟังท่านหันมาฟังท่านมากขึ้น ส้นตีน เอ่อเท้าที่วางพาดไว้บนโต๊ะเรียนเริ่มลดลงทีละข้างๆ จนไม่เหลือเท้าของเด็กฝรั่งคนไหนพาดอยู่บนโต๊ะแม้แต่คนเดียว คำพูดที่กล่าวกล่าวคือ
'' ผมมาจากประเทศไทย ประเทศที่มีวิวัฒนาการด้านวัตถุที่น้อยกว่าพวกคุณวันนี้ผมได้รับเกียติให้มาดูงานเรื่องการเรียนการสอนที่ทันสมัย ผมเห็นว่ามันก็ทันสมัยดีแต่อีกไม่กี่นาทีผมจะกลับเพราะผมไม่ได้รับการตอบรับและการยอมรับของพวกคุณ ผมต้องขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียเวลา แต่ผมมีเรื่องวัฒนธรรมและกิริยามารยาททางสังคมที่ประเทศผมมาเล่าให้ฟัง ที่ไม่เกี่ยวกับช้าง หลายคนถามผมเรื่องช้าง ผมไม่รู้ผมเป็นครูผมมีหน้าที่ทำให้เด็กในประเทศไทยมีระเบียบวินัยมีความรู้ หลายคนมักใช้คำว่าไปโรงเรียนให้ครูดัดสันดานหน่อย ผมว่าว่าคงไม่มีพวกคุณคนไหนหลงไปเรียนที่เมืองไทยน่ะครับเพราะคุณต้องปรับอีกเยอะ
ยกตัวอย่างเช่น เท้าที่พวกคุณวางพาดไว้บนโต๊ะแทบจะต้องใช้คำว่ามันกำลังชี้หน้าผมอยู่ในระหว่างนี้ ถ้าเป็นที่เมืองไทยผมจะเดินเข้าไปถามเด็กคนนั้นว่าด้วนสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า นักเรียนครับลูกจะเอาขามาวางพาดโต๊ะอย่างนี้ไม่ได้น๊ะครับ มันบ่งบอกถึงกิริยามารยาทของเรา ลูกต้องให้เกียติสถานที่ และบุคคลากรที่ให้ความรู้ แล้วเด็กนักเรียนที่เมืองไทยก็รับเอาขาลงจากโต๊ะ เพราะเด็กนักเรียนที่เมืองไทยไม่ชอบให้ใครมาด่าว่าไม่มีมารยาท กิริยาไม่เหมาะสม หรือที่กลัวที่สุดคือ พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรืออย่างไร แต่นั่นที่เมืองไทย ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยผมคงไม่ว่าพวกคุณหรอก แต่อย่าลืมน่ะครับหากมีโอกาสได้ไปที่เมืองไทยอย่าเอาเท้าไปวางบนโต๊ะ ที่ไหนเพราะคนไทยจะมองว่าคุณไม่มีมารยาท ''
นั่นเป็นคำกล่าวที่ผมพอจะจำได้จากอาจารย์ ชื่อ อ.วิรัช โรงเรียนประจำำอำเภอในจังหวัดเพชรบูรณ์
สุดท้าย โปรดทำหน้าที่ของท่านต่อไป หวังว่าท่านคงจะสำเร็จในสิ่งที่ท่านมุ่งหวัง
ท่านเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล หวังว่าคุณคงไม่ใช่พวก ผยอง ยะโส ไร้มารยาทน๊ะครับ
ก้องกิดากร